เวลามองหาคอนโด เราอาจเริ่มจากทำเลหรือแบบห้องที่ชอบก่อน แต่สุดท้าย “งบ” นี่แหละคือสิ่งที่ตัดสินได้ชัดที่สุด

ถ้ามีงบ 2 ล้านบาท ก็ยอมรับว่าตัวเลือกดีๆก็มีไม่เยอะแล้ว แต่โครงการ “Chapter One Spark Charan” เริ่มต้น 1.89 ล้านบาท อยู่ติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้า ส่วนกลางเยอะ แถมได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ถือว่าหายากในงบระดับนี้เลยค่ะ งั้นมาดูรายละเอียดแต่ละประเด็นกัน

  • ทำเล : สะดวกทั้งรถส่วนตัว รถไฟฟ้าและเรือ
    ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่จรัญสนิทวงศ์ จะไปทำงานหรือทำธุระก็ง่าย ใกล้ MRT บางพลัด 150 เมตร แถมมีท่าเรือให้ใช้เดินทางได้ ส่วนด้านข้างโครงการก็มี 7-11 และตลาดเล็กๆ เรียกว่ามีของกินครบทุกมื้อ ซึ่งเป็นจุดเด่นของย่านชุมชนแบบนี้เลย หรืออยากจะไปห้างใหญ่ๆก็มี Central ปิ่นเกล้า / Makro / Lotus’s อยู่ไม่ไกลค่ะ
  • Facilities : พื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่และให้มาเยอะกว่า
    เน้นพื้นที่นั่งเล่น-นั่งทำงานขนาดใหญ่และหลายจุด อีกทั้งมีสระยาวถึง 50 เมตรเลย ซึ่งเรามักจะเจอในคอนโดราคาสูงกว่านี้นะ รวมถึงมีสวนสีเขียวเกือบ 3 ไร่ และเปิดรับวิวแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย
  • แบบห้อง : มีให้เลือกหลายไลฟ์สไตล์
    มีให้เลือกทั้ง 1-2 Bedroom และทุกยูนิตจะได้ครัวปิดทั้งหมดอยู่แล้ว แต่ Layout แต่ละแบบจะมีจุดเด่นแตกต่างกันไป
    – โซนพักผ่อนอยู่ภายในห้อง ได้ความสงบ เป็นส่วนตัว
    – ครัวปิดติดระเบียง ถูกใจ Cooking Lover หมดปัญหาเรื่องกลิ่นควันลอยเข้มาในห้อง
    – พื้นที่ Walk-in Closet สำหรับสายแฟชั่น เสื้อผ้าเยอะ
    – Common Area ใหญ่ ชวนเพื่อนมานั่งเล่นในห้องได้สบายๆ
    – มีห้องอเนกประสงค์ปรับเป็นห้องทำงาน ห้องออกกำลังกายได้
    – 2 ห้องนอน รองรับครอบครัวขนาดเล็กได้เลย

แต่สิ่งที่ต้องคำนึงถึงก็คือขนาดโครงการใหญ่ 1,533 ยูนิต+2 ยูนิต ทำให้คึกคักกว่าโครงการเล็กๆ หากต้องการบรรยากาศเงียบมากๆ นี่อาจไม่ตรงใจมากนัก แต่ถ้ามองเรื่องว่าเป็นคอนโดไม่ถึง 2 ล้านที่ได้ทำเลติดถนนใหญ่ ใกล้ MRT ส่วนกลางก็ขนาดใหญ่และครบ แถมมีห้องให้เลือกได้หลากหลาย ก็ถือว่าคุ้มค่าเลยค่ะ

ถ้ากำลังลังเลว่าคอนโดนี้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ตัวเองไหม ลองดูรีวิว+ภาพจริงด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ เผื่อจะช่วยให้ตัดสินใจง่ายขึ้น

ข้อมูลโครงการ

รีวิว Chapter One Spark Charan (เชปเตอร์วัน สปาร์ค จรัญ)  ณ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2568

 ชื่อโครงการ   Chapter One Spark Charan (เชปเตอร์วัน สปาร์ค จรัญ)
 ชื่อผู้ประกอบการ   บริษัท พฤกษาเรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)
 SEGMENT CLASS   MAIN CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2023 )
 โครงการตั้งอยู่   ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางอ้อ เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร 10700
 ที่ดิน   6-2-57.5 ไร่
 ประเภทคอนโด   High Rise 26 ชั้น 1 อาคาร
 จำนวนยูนิต   1,533 ยูนิต และร้านค้า 2 ยูนิต
 ยูนิตต่อชั้นสูงสุด   74 ยูนิต
 ที่จอดรถ   528 คัน คิดเป็น 34% ไม่รวมซ้อนคัน (แบ่งเป็นที่จอดรถผู้พิการ 10 คันและ EV Charger 4 คัน)
 เริ่มก่อสร้าง   ปี 2566
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ   ปี 2568
 ประเภทห้องพัก
  • 1 Bedroom (A) พื้นที่ใช้สอย 22.00-23.75 ตร.ม.
  • 1 Bedroom (B) พื้นที่ใช้สอย 26.00-27.00 ตร.ม.
  • 1 Bedroom (C) พื้นที่ใช้สอย 28.00-28.75 ตร.ม.
  • 1 Bedroom (D) พื้นที่ใช้สอย 30.00-30.75 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอย 34.50 ตร.ม.
  • 2 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 55.30-55.75 ตร.ม.
  • Loft พื้นที่ใช้สอย 22.00-55.30 ตร.ม. (เฉพาะชั้น 26 เพียง 14 ยูนิต)

 ราคาเริ่มต้น  ราคาเริ่มต้น 1.89-4.69 ล้านบาท
 ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ  ราคาประมาณ 94,000 บาท/ตร.ม.
 EIA (ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม)  ผ่านแล้ว
 เว็บไซต์โครงการ คลิกที่นี่
 Call Center  1739

 

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.795052628898121, 100.50610306725157
หรือสามารถ : คลิกที่นี่

Highlight

  • ตั้งอยู่ติดถนนจรัญสนิทวงศ์ เดินทางเชื่อมต่อเข้า-ออกเมืองได้ง่าย
  • ใกล้ MRT บางพลัด 150 เมตร เป็นระยะที่เดินได้สบาย อีกทั้งเชื่อมรถไฟฟ้า 5 สายทั้ง BTS สายสีเขียวอ่อน, MRT สายสีม่วง, รถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม รวมถึงรถไฟฟ้าสายอนาคตอย่าง MRT สายสีม่วงใต้, MRT สายสีส้มตะวันตกและรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อนส่วนต่อขยาย
  • มีท่าเรือเป็นตัวเลือกในการเดินทางบนทำเล โดยจะมีท่าเรือเทพากรที่ใกล้โครงการที่สุด
  • 7-11 และตลาดเล็กๆอยู่ข้างโครงการ แวะซื้อของกิน-ของใช้ได้ง่าย ส่วนห้างใหญ่ๆอย่าง Lotus’s จรัญสนิทวงศ์, Central ปิ่นเกล้า และ Makro จรัญสนิทวงศ์ ก็อยู่ในระยะ 6 กม.

แผนที่จากทางโครงการค่ะ

Chapter One Spark Charan ตั้งอยู่ตรงไหน?

โครงการ Chapter One Spark Charan มีทางเข้า-ออกโครงการอยู่ติดถนนจรัญสนิทวงศ์ ใกล้กับซอยจรัญสนิทวงศ์ 85 สามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังถนนบรมราชชนนี, ถนนสิรินธร, ถนนบางขุนนนท์, ถนนราชพฤกษ์, ถนนอรุณอมรินทร์และถนนราชวิถีได้ ซึ่งมี Highlight ทำเลโครงการที่อยู่ใกล้ MRT สายสีน้ำเงิน สถานีบางพลัดเพียง 150 เมตร เป็นระยะที่เดินไปใช้งานได้สบายๆ

นอกจากนั้นยังอยู่บนทำเลจรัญฯตอนปลาย มีข้อดีที่ใกล้สะพานพระราม 7 จึงเดินทางข้ามฝั่ง เพื่อเข้าเมืองไปยังย่านรัชดาภิเษก-ลาดพร้าว-พระราม 9 ได้สะดวก รวมถึงยังใช้สะพานกรุงธนฯหรือสะพานซังฮี้ข้ามฝั่งไปโซนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิได้ด้วยค่ะ อีกทั้งพออยู่ติดถนนใหญ่ก็เรียกรถ Taxi หรือรถสองแถวที่ผ่านไปมาได้ง่าย มีซุ้มวินมอเตอร์ไซค์อยู่ใกล้ๆและมีป้ายรถเมล์อยู่ด้านหน้าโครงการเลย ส่วนทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอกอยู่ไม่ไกล มีท่าเรือเป็นตัวเลือกในการเดินทางบนทำเลด้วย ทำให้จะเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวหรือสาธารณะก็สะดวกสบาย  และที่สำคัญที่ตั้งโครงการอยู่ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้ห้องพักอาศัยในชั้นสูงๆจะมองเห็นแนวเส้นแม่น้ำได้ชัดเจน

Image 1/5
ตลาดเล็กๆด้านข้างทางเข้า-ออกโครงการ

ตลาดเล็กๆด้านข้างทางเข้า-ออกโครงการ

สำหรับความอุดมสมบูรณ์ใกล้ๆโครงการจะมีตลาดเล็กๆอยู่ด้านข้างทางเข้า-ออกโครงการเลย ถึงแม้จะดูมีร้านค้า-ร้านอาหารไม่เยอะนัก แต่ก็เป็นเพราะว่าแต่ละร้านจะเปิดขายสลับเวลากันไปตั้งแต่เช้า-เย็นนั่นเอง ทำให้ลูกบ้านแวะซื้อได้ตลอดทั้งวันนะคะ นอกจากนั้นยังมีร้านสะดวกซื้อ 7-11 ให้มาซื้อของกันได้ง่ายๆ หรือจะข้ามสะพานลอยไปฝั่งตรงข้ามจะเจอกับ Tops daily ให้มาซื้อของสด ของแห้งกันได้ รวมถึงปั๊มน้ำมัน PT ที่ภายในมี KFC, กาแฟพันธุ์ไทยและร้านสะดวกซื้อ Max Mart ด้วย หากขยับไปอีกก็จะมีตลาดนัด รพ.ยันฮีที่เป็นแหล่งร้านค้า ร้านอาหารให้เราซื้อได้เหมือนกันค่ะ นอกจากนั้นจะมีร้านค้า ร้านอาหารเปิดประปรายตามแนวถนนด้วยนะคะ

แต่จริงๆแล้วแหล่งความอุดมสมบูรณ์หลักของทำเลจะอยู่ตรงเส้นถนนบรมราชชนนี มีทั้ง Central ปิ่นเกล้า, The Sense และ Major Cineplex ส่วนบนถนนจรัญสนิทวงศ์จะมี Makro จรัญสนิทวงศ์, Lotus’s จรัญสนิทวงศ์ หรือจะไปถนนบางขุนนนท์ที่ตลอดเส้นทางจะมีร้านค้า ร้านอาหารหลากหลาย ที่หลายๆคนจะแวะซื้อของกินก่อนกลับบ้านกัน รวมถึงตลาดบางขุนนนท์และตลาดน้ำตลิ่งชัน นอกจากนั้นยังเป็นทำเลที่รายล้อมไปด้วยโรงพยาบาลมากมาย ทั้งโรงพยาบาลใหญ่อย่าง รพ.ศิริราช, รพ.ตา หู คอ จมูก, รพ.ผิวหนังอโศก ปิ่นเกล้า, รพ.เจ้าพระยา และ รพ.ธนบุรี รวมถึงยังมีโรงเรียนและมหาวิทยาลัยชื่อดังต่างๆ

อย่างที่เราได้บอกไปว่าตัวโครงการจะตั้งอยู่ใกล้ MRT สายสีน้ำเงิน สถานีบางพลัด เพียง 150 เมตร ซึ่งนั่งถัดไปไม่กี่สถานีก็เชื่อมโยงแนวเส้นรถไฟฟ้าอื่นๆได้รวม 5 สาย จึงใช้เดินทางรอบกรุงเทพฯได้สะดวกมากๆค่ะ

  • Interchange Station ของ MRT เตาปูน : ใช้เปลี่ยนเส้นทางไปยัง MRT สายสีม่วง เพื่อเดินทางไปโซนบางใหญ่ได้ รวมถึงจะมี MRT สายสีม่วงใต้ตัดผ่านในอนาคต จึงเชื่อมไปยังโซนสามเสน สุขสวัสดิ์และครุในได้ง่ายขึ้น
  • MRT บางซื่อ เชื่อมรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม : ทำให้เดินทางออกนอกเมืองได้ง่าย อีกทั้งยังเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อนด้วย
  • Interchange Station ของ MRT สวนจตุจักร – BTS หมอชิต : แนวเส้นทางของ BTS สายสีเขียวอ่อนนี้ตัดผ่านย่านสำคัญของกรุงเทพฯหลายโซน เดินทางไปทำงาน ทำธุระในเมืองได้ง่าย
  • Interchange Station ของ MRT บางขุนนนท์ – MRT สีส้ม – รถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน : สำหรับ MRT บางขุนนนท์ ในอนาคตจะเป็น Interchange Station จุดเชื่อมต่อไปยัง MRT สายสีส้มตะวันตกที่อยู่ในระหว่างก่อสร้าง คาดเปิดปี 2573 และรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน ช่วงศิริราช – ตลิ่งชัน – ศาลายา ที่อยู่ในระหว่างการประมูล คาดเปิดในปี 2572

ด้วยตัวทำเลที่อยู่ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยาจึงมีตัวเลือกในการเดินทางเป็นเรือด่วนเจ้าพระยาด้วยนั่นเอง จึงหลีกเลี่ยงการจราจรติดขัดบนถนนหรือสะพานข้ามฝั่งแม่น้ำได้ โดยท่าเรือที่ใกล้โครงการที่สุดจะเป็น ท่าเรือเทพากร อยู่ห่าง 1.6 กิโลเมตร จึงใช้เดินทางเพื่อไปโซนสาทรได้เลย

คอนโดจรัญฯ ราคาเท่าไหร่?

ทำเลนี้ก็ถือว่ามีคอนโดอยู่หลายแห่งเหมือนกัน เพราะเป็นย่านชุมชนดั้งเดิม ทำให้นอกจากจะมีความต้องการของคนบนทำเลนี้ที่ต้องการขยับขยายที่อยู่อาศัยแล้ว ยังมีกลุ่มคนทำงานบนทำเลนี้อย่างใกล้ๆจะเป็นโรงพยาบาลยันฮี รวมไปถึงกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ตรงโซนศิริราชหรือกลุ่มคนทำงานในเมืองที่เลือกทำเลขยับออกนอกเมืองมาหน่อย แต่ยังเดินทางได้ง่ายและราคาไม่สูงค่ะ

โซนคอนโดปิ่นเกล้า-คอนโดจรัญ-คอนโดบางพลัดที่เป็น High Rise จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1.99 ล้านบาทไปจนถึง 2.69 ล้านบาท รวมถึงจะเกาะอยู่บนเส้นบรมราชชนนีหรือสิรินธร เน้นความอุดมสมบูรณ์โดยรอบค่อนข้างคึกคัก แต่โครงการ Chapter One Spark Charan จะอยู่บนเส้นถนนใหญ่ จรัญสนิทวงศ์ เน้นเดินทางง่าย ใกล้ MRT และมีราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท ซึ่งถือว่าถูกสุดบนทำเล ซึ่งก็เป็นไปตามขนาดห้องเริ่มต้นที่เล็กกว่านิดหน่อยค่ะ นอกจากนั้นยังเป็นคอนโดวิวแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยแบบเห็นได้ชัดเจนจริงๆนะ ไม่ใช่เห็นเป็นแนวเส้นแม่น้ำอยู่ไกลๆ ทำให้หากเทียบกับคอนโดเพื่อนบ้านบนทำเลเดียวกันหรือคอนโดวิวแม่น้ำเองก็ถือว่าโครงการ Chapter One Spark Charan โดดเด่นในเรื่องราคาที่ไม่เกิน 2 ล้านบาท แต่ทั้งอยู่ติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้าแบบเดินได้ พร้อมชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้กว้างๆเลย

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการ Chapter One Spark Charan ส่วนใหญ่เป็นชุมชนที่อยู่อาศัยแนวราบ ที่อยู่อาศัยฝั่งริมถนนใหญ่จะเป็นตึกแถวและอาคารพาณิชย์สูง 3-4 ชั้น โดยมีทางเข้า-ออกโครงการติดกับถนนจรัญสนิทวงศ์ แต่ตัวอาคารพักอาศัยจะอยู่ด้านใน ทำให้ลดเรื่องเสียงดังรบกวนจากรถยนต์บนถนนและรถไฟฟ้าได้ค่ะ ส่วนวิวโดยรอบค่อนข้างโปร่งโล่ง ไม่มีอาคารสูงอยู่ในระยะประชิด

  • ทิศเหนือ ติดกับ ชุมชนบ้านพักอาศัยและแนวตึกแถว
  • ทิศตะวันออก ติดกับ ตลาด , 7-11 , โรงแรม 8 ชั้นและถนนจรัญสนิทวงศ์
  • ทิศใต้ ติดกับ ถนนจรัญสนิทวงศ์ , สำนักงานเขตบางพลัด และแนวตึกแถว
  • ทิศตะวันตก ติดกับ แนวตึกแถวและชุมชนที่อยู่อาศัย

Image 1/3
ภาพบรรยากาศบริเวณด้านหน้าโครงการ เมื่อมองไปฝั่งตรงข้าม

ภาพบรรยากาศบริเวณด้านหน้าโครงการ เมื่อมองไปฝั่งตรงข้าม

ภาพบรรยากาศบริเวณด้านหน้าโครงการ Chapter One Spark Charan

Image 1/4
ภาพบรรยากาศวิวโดยรอบโครงการ ฝั่งทิศเหนือ

ภาพบรรยากาศวิวโดยรอบโครงการ ฝั่งทิศเหนือ

ภาพบรรยากาศวิวโดยรอบโครงการ Chapter One Spark Charan

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • 7-11 / ตลาด ∼ 0 เมตร
  • ตลาดนัด รพ.ยันฮี ∼ 1.5 กิโลเมตร
  • Lotus’s จรัญสนิทวงศ์ ∼ 1.8 กิโลเมตร
  • Major Cineplex ปิ่นเกล้า ~ 4.3 กิโลเมตร
  • PATA ปิ่นเกล้า ~ 4.8 กิโลเมตร
  • Lotus’s ปิ่นเกล้า ~ 5.0 กิโลเมตร
  • Central ปิ่นเกล้า ~ 5.3 กิโลเมตร
  • Makro จรัญสนิทวงศ์ ~ 5.6 กิโลเมตร

โรงพยาบาล

  • โรงพยาบาลยันฮี ∼ 1.5 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาล หู ตา จมูก ~ 4.9 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลเจ้าพระยา ~ 6.0 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลศิริราช ~ 6.2 กิโลเมตร

โรงเรียน

  • โรงเรียนเขมะสิริอนุสรณ์ ∼ 2.2 กิโลเมตร
  • โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์ ∼ 3.4 กิโลเมตร
  • โรงเรียนทิวไผ่งาม ∼ 3.9 กิโลเมตร
  • โรงเรียนเซนต์คาเบรียล ∼ 3.9 กิโลเมตร
  • มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้านครเหนือ ∼ 4.4 กิโลเมตร
  • โรงเรียนราชินีบน ∼ 4.8 กิโลเมตร

สถานที่ราชการ

  • สำนักงานเขตบางพลัด ∼ 230 เมตร
  • การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ∼ 4.1 กิโลเมตร
  • รัฐสภาใหม่ ∼ 5.8 กิโลเมตร

รายละเอียดโครงการ

Highlight

  • ราคาถูกสุดบนทำเล ด้วยราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท จับต้องได้ง่าย
  • คอนโดวิวแม่น้ำเจ้าพระยา เปิดรับวิวแม่น้ำได้กว้างๆ โดยเฉพาะชั้น 15 ขึ้นไป
  • พื้นที่สีเขียวรวมเกือบ 3 ไร่ ได้บรรยากาศใกล้ชิดธรรมชาติ
  • เน้นพื้นที่นั่งเล่น-นั่งทำงานเยอะ เหมาะสมกับจำนวนลูกบ้านที่เยอะ ทำให้ออกแบบกระจายหลายจุดทั้ง Indoor, Outdoor หรือภายในสวน จึงมาใช้งานได้พร้อมๆกันทั้งเดี่ยวและกลุ่ม

โครงการ Chapter One Spark Charan เป็นคอนโด High Rise สูง 26 ชั้น จำนวน 1,533 ยูนิต และร้านค้า 2 ยูนิต พร้อมพื้นที่จอดรถ 528 คัน คิดเป็น 34% ไม่รวมซ้อนคัน (แบ่งเป็นที่จอดรถผู้พิการ 10 คันและ EV Charger 4 คัน) บนที่ดิน 6-2-57.5 ไร่ ที่ออกแบบภายใต้แนวคิด “Craft Of Work”

โดยจุดเด่นของโครงการ ก็คือ คอนโดวิวแม่น้ำเจ้าพระยา ในราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท* ซึ่งไม่ว่าจะเทียบกับคอนโดจรัญฯ เพื่อนบ้านทำเลข้างเคียงกันหรือในบรรดาวิวแม่น้ำด้วยกัน ก็ถือว่ามีราคาถูกสุดนั่นเอง นอกจากนั้นยังโดดเด่นด้วยพื้นที่สวนสีเขียวขนาดใหญ่รวมเกือบ 3 ไร่เลย ทำให้มีบรรยากาศภายในโครงการที่ผ่อนคลายและใกล้ชิดธรรมชาติมากๆ นอกจากนั้นยังออกแบบเน้นพื้นที่นั่งเล่น นั่งทำงานทั้งแบบเดี่ยว แบบกลุ่มอยู่หลายจุดให้ใช้งานได้ง่ายๆด้วย

Master Plan

เราขอเริ่มกันที่ Master Plan โครงการกันเลยนะคะ โดยทางเข้า-ออกโครงการจะอยู่ติดถนนจรัญสนิทวงศ์และมีถนนของโครงการยาวประมาณ 70 เมตรเชื่อมเข้าไปยังตัวอาคารที่ตั้งอยู่ด้านใน ทำให้ถนนด้านหน้านี้ถือเป็น Buffer Zone ช่วยป้องกันเสียงและฝุ่นควันจากรถยนต์และรถไฟฟ้า ได้บรรยากาศภายในโครงการที่เงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อนมากยิ่งขึ้นค่ะ

สำหรับพื้นที่ส่วนกลางของโครงการตรง ชั้น 1 จะเน้นเป็นพื้นที่พักคอยและต้อนรับแขก นอกจากนั้นจะมีสวนสีเขียวอยู่ด้านข้างให้มานั่งเล่นในสวนได้ รวมถึงมีสนามเด็กเล่นอยู่โซนด้านหลังของโครงการ พร้อมจัดมุมนั่งเล่นกระจายรอบสวนด้วยค่ะ

Image 1/3
ทางเข้า-ออกของโครงการ

ทางเข้า-ออกของโครงการ

ทางเข้า-ออกของโครงการจะอยู่ติดถนนจรัญสนิทวงศ์และมีถนนยาวเชื่อมต่อเข้าไปยังตัวอาคารพักอาศัย โดยจะมีรูปแบบประตูทางเข้า-ออกโครงการจะเป็นรั้วกั้นไม้กระดก พร้อมระบบในการเข้า-ออกแบบ Bluetooth Access มี CCTV ส่วนกลาง, เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง และรั้วทึบรอบโครงการสูง 3 เมตร เพื่อช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยภายในโครงการ ให้ลูกบ้านอยู่อาศัยได้อย่างสบายใจ

Image 1/3
Drop Off

Drop Off

เมื่อเข้ายังบริเวณด้านหน้าของอาคารพักอาศัยจะเป็นจุด Drop Off เพื่อรับ-ส่งลูกบ้านและสามารถวนรถออกไปด้านนอกโครงการได้เลย หรือจะขับตรงเข้าด้านในโครงการเพื่อจอดรถได้ค่ะ

นอกจากนั้นยังมีร้านค้าอยู่ 2 ยูนิต เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกบ้านในโครงการมาจับจ่ายใช้สอยได้ง่ายๆ แต่ปัจจุบันยังใช้เป็นพื้นที่สำนักงานขายอยู่นะคะ ส่วนทางเข้าอาคารพักอาศัยจะอยู่ถัดจากร้านค้า 2 ยูนิตค่ะ

Image 1/4
พื้นที่จอดรถ

พื้นที่จอดรถ

พื้นที่จอดรถของโครงการสามารถจอดรถได้ 528 คัน คิดเป็น 34% ไม่รวมซ้อนคัน (แบ่งเป็นที่จอดรถผู้พิการ 10 คันและ EV Charger 4 คัน) ถือว่าเหมาะสมกับตัวโครงการที่ใกล้ MRT บางพลัด 150 เมตรและมีรถสาธารณะอื่นๆให้เลือกใช้งานได้นั่นเอง

Image 1/4
Sparkling Eden สวนสีเขียวบริเวณด้านหน้าอาคาร

Sparkling Eden สวนสีเขียวบริเวณด้านหน้าอาคาร

ก่อนที่เราจะเข้าไปดูภายในอาคารพักอาศัยกัน อยากจะขอพามาดู Sparkling Eden สวนสีเขียวบริเวณด้านหน้าอาคารกัน ทำหน้าที่เป็นมุมต้อนรับสายตาเมื่อเดินหรือขับรถเข้า-ออกโครงการ จึงได้บรรยากาศสดชื่น-น่าอยู่อาศัย อีกทั้งช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในโครงการด้วยนั่นเอง

ภายในสวนจะออกแบบพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อนอยู่หลากหลายรูปแบบให้ใช้งานได้ตามความต้องการ รวมถึงปลูกต้นไม้เล็ก-ใหญ่ล้อมรอบ ทำให้เวลามานั่งเล่นก็จะได้ร่มเงาของต้นไม้ด้วยนะคะ

Image 1/3
Waiting Area

Waiting Area

ต่อมาเราพาเข้ามาภายในอาคารพักอาศัยกันค่ะ โดยพื้นที่แรกจะเป็น Waiting Area เป็นพื้นที่ต้อนรับและพักคอย โดยเพื่อนๆหรือแขกของลูกบ้านสามารถเข้ามานั่งรอลูกบ้านตรงบริเวณนี้ได้เลย รวมถึงลูกบ้านเองก็นั่งคอยรถต่างๆมารับได้ด้วย ซึ่งออกแบบเป็นพื้นที่โล่งๆ มีมุมโต๊ะและโซฟาวางกระจายอยู่โดยรอบค่ะ

Image 1/2
ประตูบานเลื่อนกั้นแบ่งโซน Waiting Area พร้อม Keycard Access

ประตูบานเลื่อนกั้นแบ่งโซน Waiting Area พร้อม Keycard Access

ทางโครงการออกแบบมีประตูบานเลื่อนกั้นแบ่งโซน Waiting Area ออกจาก Sparkling Lobby และ Shining Lounge พร้อมติดตั้งระบบ Keycard Access เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยของลูกบ้าน เพราะบุคคลภายนอกไม่ว่าจะเพื่อน แขกหรือครอบครัวที่มาเยี่ยมจะไม่ได้รับอนุญาตให้ผ่านเข้าไปด้านในอาคาร นอกจากจะมีลูกบ้านลงมารับนั่นเองค่ะ ส่วนด้านข้างจะมีประตูเปิดไปยังพื้นที่จอดรถนะคะ

Image 1/5
Sparkling Lobby และ Shining Lounge

Sparkling Lobby และ Shining Lounge

Sparkling Lobby และ Shining Lounge จะออกแบบอยู่บริเวณเดียวกันเลย ทำให้ใช้งานได้ต่อเนื่องกัน โดย Sparkling Lobby จะเป็นพื้นที่ต้อนรับและพักคอยที่จัดทั้งโซฟาและโต๊ะ-เก้าอี้ไว้เยอะและหลากหลายรูปแบบให้มาเลือกใช้งานกันได้ อีกทั้งยังออกแบบเป็นห้องฝ้าเพดานสูง จึงได้บรรยากาศโปร่งสบาย รวมถึงเราชอบการตกแต่งฝ้าเพดานมากๆเลยนะ เพราะดูสวยงามและสร้างความประทับใจแรกได้ดี อีกทั้งยังเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีสีสันสดใสก็ได้บรรยากาศภายในห้องที่มีชีวิตชีวาดีค่ะ

Image 1/4
Shining Lounge

Shining Lounge

Shining Lounge จะเป็นโซนสำหรับพื้นที่นั่งทำงานและพื้นที่นั่งเล่น เราชอบที่ถึงแม้จะออกแบบอยู่บริเวณเดียวกับ Sparkling Lobby แต่เลือกใช้สีส้มแดงเพื่อแบ่งโซนออกจากกันชัดเจน จึงได้ความเป็นสัดส่วนดีถึงแม้จะอยู่บริเวณเดียวกัน โดยจะจัดวางเป็นโต๊ะบาร์และโซฟายาวให้มานั่งพักผ่อนกัน

บริเวณด้านข้างของ Sparkling Lobby และ Shining Lounge จะมีประตูกระจกกั้นอีกชั้น ก่อนจะไปยังพื้นที่ส่วนกลางอื่นๆ

Image 1/2
โถงทางเดินยาวเชื่อมไปโซนลิฟต์ 2 จุดและส่วนกลาง

โถงทางเดินยาวเชื่อมไปโซนลิฟต์ 2 จุดและส่วนกลาง

หลังจากผ่านประตูเข้ามาแล้ว จะเจอกับโถงทางเดินยาวที่แจกจ่ายไปยังโซนลิฟต์-Mail Room ทั้ง 2 จุด, ห้องนิติบุคคล, Gather & Glow Room (ห้องประชุม), Chill & Shine Space (มุมนั่งเล่นส่วนตัว) และ Delivery & Vending machine room ค่ะ

Image 1/2
โซนลิฟต์และ Mail Room จุดที่ 1

โซนลิฟต์และ Mail Room จุดที่ 1

โซนลิฟต์และ Mail Room จุดที่ 1 จะอยู่ใกล้ๆกับ Sparkling Lobby และ Shining Lounge ที่เราพาไปดูกันมาเมื่อกี้เลยนะคะ

Image 1/2
โซนลิฟต์

โซนลิฟต์

ด้วยตัวโครงการที่มีขนาดใหญ่จึงออกแบบ โซนลิฟต์และ Mail Room แบ่งเป็น 2 จุดด้วยกัน โดยภาพด้านบนนี้จะเป็นโซนลิฟต์และ Mail Room จุดที่ 1 ที่ตกแต่งเป็นสีส้มชมพูอ่อนๆ และมีลิฟต์โดยสารอยู่ 3 ตัวด้วยกันค่ะ

Image 1/3
Mail Room

Mail Room

Mail Room ของจุดที่ 1 จะมี Mailbox ของทุกห้องและออกแบบตำแหน่ง Mailbox ของทุกห้องไม่อยู่สูงเกินไปจนเอื้อมเปิด-ปิดไม่ได้ รวมถึงมี Smart Locker ให้ใช้งานกันได้ด้วย

ต่อมาเราพอกลับมาที่โถงทางเดินเพื่อไปดูพื้นที่ส่วนกลางตรงชั้น 1 กันต่อเลย ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นเป็นพื้นที่นั่งทำงานหรือนั่งเล่นไม่ว่าจะเป็น Indoor หรือ Outdoor เยอะมากๆ รวมถึงยังแบ่งซอยเป็นห้องเล็กๆอีกเยอะเลยค่ะ อย่างที่เราจะพาไปดูเป็น Gather & Glow Room (ห้องประชุม), Chill & Shine Space (มุมนั่งเล่นส่วนตัว) ที่อยู่ทางฝั่งขวาของภาพนั่นเอง

เรามองว่าด้วยขนาดโครงการที่ใหญ่ รวม 1,533 ยูนิต + 2 ยูนิต จึงถือว่ามีความคึกคักสูง ทำให้การแบ่งพื้นที่ส่วนกลางเป็นห้องเล็กๆแบบนี้ก็ทำให้ลูกบ้านใช้งานได้ทั่วถึงและมีพื้นที่ส่วนกลางที่ใช้งานได้เป็นส่วนตัวอยู่เหมือนกัน

Image 1/2
Chill and Shine Space

Chill and Shine Space

Chill & Shine Space จะมีอยู่ 2 ห้องด้วยกัน โดยจะออกแบบเป็นมุมนั่งเล่นส่วนตัวพร้อมตกแต่งด้วยสีฟ้า-แดง ลูกบ้านสามารถมานั่งเล่นพักผ่อน พูดคุยกับเพื่อนๆได้เป็นส่วนตัวดี

Image 1/3
Gather and Glow Room

Gather and Glow Room

ถัดจาก Chill & Shine Space จะเป็น Gather & Glow Room โดยจะออกแบบเป็นห้องประชุมทั้งห้องใหญ่และห้องเล็ก อย่างภาพด้านบนนี้จะเป็นห้องประชุมขนาดใหญ่ รองรับได้ 6 ที่นั่งพร้อมทีวีไว้ใช้นำเสนองานได้ ส่วนด้านข้างจะเป็นกระจกใส เพื่อใช้เป็น Whiteboard พื้นที่เขียน Brainstorm ได้ค่ะ โดยผนังห้องเลือกทาเป็นสีเหลือง ได้บรรยากาศภายในห้องที่สดใสดีเลย

Image 1/2
Gather and Glow Room

Gather and Glow Room

อย่างที่เราบอกไปนะคะว่า Gather & Glow Room จะมีห้องประชุมเล็กๆด้วย จะมีอยู่ 2 ห้องด้วยกัน โดยภายในห้องจะตกแต่งเหมือนกันเลย มีโต๊ะ-เก้าอี้ 4 ที่นั่ง พร้อมแขวนทีวีไว้สำหรับประชุมหรือพรีเซ้นต์งานได้ค่ะ

Image 1/3
ห้องน้ำส่วนกลาง

ห้องน้ำส่วนกลาง

ทางโครงการมีออกแบบห้องน้ำส่วนกลางไว้ให้ลูกบ้านสามารถมาใช้งานกันได้ง่ายๆด้วยนะ โดยจะแบ่งเป็นห้องชาย-หญิงแยกกันชัดเจน รวมถึงมีห้องน้ำแบบ Universal Design ที่มีขนาดใหญ่ สามารถเข็นวีลแชร์เข้ามาภายในห้องได้ พร้อมประตูบานเลื่อน เปิด-ปิดได้ง่ายและติดตั้งราวจับช่วยพยุงเวลาลุก-นั่งมาให้ครบเลยค่ะ

ถัดเข้าไปสุดโถงทางเดินจะเจอกับโซนลิฟต์และ Mail Room จุดที่ 2 รวมถึง Delivery & Vending machine room ค่ะ

Image 1/2
โซนลิฟต์และ Mail Room จุดที่ 2

โซนลิฟต์และ Mail Room จุดที่ 2

สำหรับโซนลิฟต์และ Mail Room จุดที่ 2 จะเลือกทาสีผนังเป็นเขียวมินต์แตกต่างจากจุดที่ 1 ที่ทาสีส้มแดงนะคะ โดยจะมีโซน Mail Room อยู่ด้านหน้าและออกแบบตำแหน่ง Mailbox เอื้อมเปิดได้ง่าย รวมถึงมี Smart Locker ให้ใช้งานกันได้ ส่วนโซนลิฟต์จะอยู่ด้านใน มีทั้งหมด 4 ตัวค่ะ

Image 1/3
Delivery and Vending machine room

Delivery and Vending machine room

ต้องยอมรับเลยว่า Delivery & Vending machine room ถือเป็นฟังก์ชันส่วนกลางที่ขาดไม่ได้แล้วในคอนโดปัจจุบันนี้ เพราะเดี๋ยวนี้ใครๆก็หันมาใช้บริการสั่งอาหารหรือข้าวของเครื่องใช้แบบ Delivery กันมากขึ้น

ดังนั้นทางโครงการนี้ก็ออกแบบ Delivery & Vending machine room มารองรับกับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของคนสมัยใหม่ โดยตั้งชั้นวางของและติดตั้งแอร์ เพื่อรักษาอุณหภูมิของอาหารไม่ให้เน่าเสีย

รวมถึงออกแบบมีประตูทางเข้า-ออก 2 จุด สำหรับประตูจุดแรกจะอยู่ใกล้กับพื้นที่จอดรถ เพื่อให้พี่ๆ Rider ขับรถมาจอดและเข้ามาภายในห้องเพื่อวางของต่างๆได้เลย ส่วนประตูอีกจุดจะอยู่ใกล้กับโซนลิฟต์และ Mail Room จุดที่ 2 เพื่อให้ลูกบ้านมาหยิบของกันได้ง่ายๆ พร้อมติดตั้งระบบ Keycard Access ป้องกันไม่ให้บุคคลภายนอกแอบลักลอบเข้ามาภายในโครงการผ่านห้องนี้นั่นเอง

จริงๆแล้วก่อนจะไปยังโซนลิฟต์และ Mail Room จุดที่ 2 รวมถึง Delivery & Vending machine room จะมีทางเดินแยกไปยังประตูที่เปิดไปบริเวณด้านหลังโครงการด้วยค่ะ

สำหรับประตูนี้จะเปิดออกไปยังบริเวณด้านหลังโครงการที่เป็น Shine Zone (สนามเด็กเล่น พัฒนาและออกแบบร่วมกับ รพ.วิมุต) และ Active Glow Path (Jogging Track ความยาวประมาณ 150 เมตร) นั่นเอง ทำให้ลูกบ้านเดินไปใช้งานพื้นที่ส่วนกลางด้านหลังโครงการได้สะดวก ไม่ต้องเดินอ้อมออกไปนอกอาคาร นอกจากนั้นด้านข้างประตูนี้จะมี Laundry Room เป็นห้องสำหรับซักผ้าด้วยนะคะ ลูกบ้านจึงไม่ต้องหอบเสื้อผ้าพะรุงพะรังไปซักด้านนอกค่ะ

หลังจากเราเปิดประตูเชื่อมออกมายังโซนด้านหลังโครงการกันแล้ว จะเจอกับ Shine Zone ออกแบบเป็นสนามเด็กเล่นนั่นเอง อีกทั้งยังเชื่อมกับสวนสีเขียวและ Active Glow Path ที่เป็น Jogging Track ด้วยค่ะ

Image 1/3
Shine Zone

Shine Zone

Shine Zone เป็นสนามเด็กเล่น พร้อมเครื่องเล่นต่างๆให้เด็กๆมาเล่นสนุกกันได้ อีกทั้งออกแบบมีรั้วกั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กๆวิ่งออกมายังบริเวณถนนด้วย ซึ่งทางโครงการจะพัฒนาและออกแบบสนามเด็กเล่นนี้ร่วมกับ รพ.วิมุต เพื่อให้เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็กๆและใช้งานได้อย่างปลอดภัย อีกทั้งมีต้นไม้โดยรอบให้บรรยากาศสดชื่นดี

Image 1/3
สวนสีเขียวและ Active Glow Path

สวนสีเขียวและ Active Glow Path

ถัดจากสนามเด็กเล่น Shine Zone จะเป็นพื้นที่สวนสีเขียว พร้อมพื้นที่นั่งเล่นที่กระจายอยู่รอบสวน เพื่อให้มานั่งพักผ่อนท่ามกลางสวนสีเขียวกันได้ อีกทั้งมีต้นไม้ใหญ่คอยเป็นร่มเงาให้มานั่งได้นานมากขึ้นด้วยนะ รวมถึงมี Active Glow Path เป็น Jogging Track ความยาวประมาณ 150 เมตร ให้มาวิ่งออกกำลังกายกันได้ค่ะ

ชั้น 5

แปลนชั้น 5 ของโครงการจะมีทั้งพื้นที่ส่วนกลางและห้องพักอาศัยอยู่ชั้นเดียวกัน แต่ทางโครงการก็ออกแบบแบ่งแยกโซนได้ชัดเจนดี อีกทั้งมีประตูกั้น 2 ชั้นตรงพื้นที่ส่วนกลางและโถงลิฟต์ พร้อมติดตั้งระบบ Keycard Access เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวให้โซนห้องพักอาศัยในชั้นนี้ด้วยนั่นเอง

พื้นที่ส่วนกลางในชั้น 5 นี้จะอยู่บริเวณตรงกลางอาคาร ประกอบด้วย Café Glow (Co-Working Space), Glow-Working Space (ห้องทำงานเงียบๆ + ห้องส่วนตัว), Sparkling Ciné (ห้องดูหนัง) และ Luminous Pavilion (สวนสีเขียว มีชิงช้านั่งชมวิว) ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนและสวนสีเขียว ถือเป็นฟังก์ชันที่ไม่ได้มีเสียงดังรบกวนมากนักนะคะ ทำให้เหมาะกับคนที่ชอบใช้งานพื้นที่ส่วนกลางเป็นประจำ แต่ยังได้บรรยากาศในการอยู่อาศัยที่สงบ

ส่วนตัวแล้วเราชอบการออกแบบพื้นที่สวนสีเขียวนี้มากๆเลยนะ ซึ่งตามปกติแล้วการออกแบบพื้นที่ต่างๆไม่ว่าจะเป็นตัวอาคารหรือพื้นที่สวนสีเขียวก็จะมี Grid Line เป็น Guideline ในการออกแบบอย่างวางแนวเสา คานหรือผนัง อย่างตัวอาคารของโครงการก็จะเป็น Grid Line สี่เหลี่ยมปกติทั่วไป แนวตัวอาคารและผนังต่างๆก็จะเป็นเส้นแนวตั้งและแนวนอน แต่พื้นที่ Luminous Pavilion จะเป็น Diagonal Grid มีแนวเส้น Guideline แบบเฉียง ทำให้การออกแบบพื้นที่ภายในสวนสีเขียวไม่ว่าจะเป็นทางเดินหรือกระบะปลูกต้นไม้ต่างๆก็จะเป็นแนวเส้นเฉียงเหมือนกัน ทำให้เวลามองจาก Floor Plan ก็จะมีความน่าสนใจมากขึ้น

นอกจากนั้นยังเป็นการสร้างประสบการณ์ ความรู้สึกเวลาเดินเล่นในสวนที่แตกต่างจากปกตินั่นเอง เพราะแทนที่จะเดินจากโถงทางเดินตรงไปยังราวกันตกด้านนนอก เพื่อยืนชมวิวได้เลย ก็จะต้องเดินเลี้ยวผ่านซุ้มต้นไม้ต่างๆ ทำให้ได้ใช้เวลาและซึมซับธรรมชาตินานกว่านั่นเอง แต่ที่เราไม่ค่อยเห็นการออกแบบ Diagonal Grid เท่าไหร่ก็เป็นเพราะว่าบางคนจะรู้สึกเดินยากกว่า จากความไม่เคยชิน รวมถึงแม้แต่พื้นที่ภายในห้องส่วนกลางต่างๆ ก็จะเกิดเป็นพื้นที่สามเหลี่ยมที่จัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้ยากและมีเสาอาคารอยู่ตรงกลางห้องด้วยนั่นเอง แต่สำหรับเรารู้สึกว่าถ้าอยู่ไปเรื่อยๆก็จะเกิดความรู้สึกเคยชินเอง อีกทั้งภายในห้องต่างๆก็จัดวางเป็นเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวที่โยกย้าย ขยับไป-มาได้อยู่แล้ว จึงไม่ได้เห็นเป็นปัญหาใหญ่เลยนะคะ

เราขึ้นลิฟต์จากจุดที่ 1 มายังชั้น 5 ก็จะเจอว่าทางโครงการมีติดตั้งประตูกระจกกั้นไว้ด้วยนะคะ เพื่อช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับโซนห้องพักอาศัยที่อยู่อีกฝั่งของโถงลิฟต์นั่นเอง

เมื่อเราเดินออกจากโถงลิฟต์จุดที่ 1 แล้ว จะเจอกับ Sparkling Ciné (ห้องดูหนัง) อยู่ทางฝั่งด้านขวา ส่วน Glow-Working Space (ห้องทำงานเงียบๆ + ห้องส่วนตัว) จะอยู่ทางฝั่งซ้าย รวมถึงหากเราเดินตรงเข้าไปด้านในจะเจอกับ Café Glow (Co-Working Space) และโซนลิฟต์จุดที่ 2 อีกทั้งมี Luminous Pavilion (สวนสีเขียว มีชิงช้านั่งชมวิว) อยู่ตรงกลางอาคารเลย

Image 1/3
Sparkling Ciné

Sparkling Ciné

เราขอพามาชม Sparkling Ciné ที่เป็นห้องดูหนังกันก่อนนะคะ โดยภายในห้องจะออกแบบเป็นโซฟายาวกว้างเท่าห้อง พร้อมติดตั้งจอทีวีขนาดใหญ่ให้ดูหนังหรือซีรีส์ได้กว้างเต็มที่เลยค่ะ อีกทั้งมีโต๊ะเล็กๆให้วางขนมหรือเครื่องดื่มไว้กินเพลินๆระหว่างดูหนังกันได้ด้วยนะ

Image 1/6
Glow-Working Space

Glow-Working Space

Glow-Working Space จะอยู่ตรงข้ามกับ Sparkling Ciné โดยออกแบบเป็นห้องทำงานที่ต้องการความเงียบสงบหรือสมาธิสูง โดยจะจัดโต๊ะ-เก้าอี้กระจายรอบห้อง รวมถึงมีห้องทำงานส่วนตัวให้ใช้งานกันด้วยนะ ซึ่งยังคงเน้นพื้นที่ส่วนกลางเป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนและซอยเป็นห้องเล็กๆให้แบ่งใช้งานกันค่ะ อีกทั้งเปิดรับวิว Luminous Pavilion สวนสีเขียวตรงกลางอาคารด้วยค่ะ

บริเวณด้านหน้าของ Glow-Working Space จะวางเป็นโต๊ะแบบบาร์ให้เปลี่ยนบรรยากาศมานั่งเล่นแบบ Semi Outdoor พร้อมชมวิวสวนสีเขียวด้วยนั่นเอง

ก่อนที่เราจะเข้าไปยัง Café Glow (Co-Working Space) และโซนลิฟต์จุดที่ 2 เราจะเห็นว่ามีทางเดินเชื่อมไปยัง Luminous Pavilion (สวนสีเขียว มีชิงช้านั่งชมวิว) ซึ่งจะออกแบบแบ่งเป็น 2 จุด เปิดรับวิวด้านหน้าและด้านหลังโครงการค่ะ

Image 1/9
Luminous Pavilion

Luminous Pavilion

ทางโครงการออกแบบ Luminous Pavilion เป็นพื้นที่สวนสีเขียวอยู่ตรงกลางชั้น 5 ทำให้นอกจากจะเพิ่มพื้นที่สีเขียวและลูกบ้านสามารถมาใช้งานได้ง่ายแล้ว ยังเป็นวิวสีเขียวให้กับห้องพักอาศัยส่วนนึงของโครงการด้วยค่ะ

ภายในสวนสีเขียวจะมีพื้นที่นั่งเล่นหลายจุดกระจายรอบสวนเลย ไม่ว่าจะเป็นซุ้มที่นั่งแบบ Sunken Seat มีพุ่มไม้ต่างๆล้อมรอบ, ชุดโต๊ะ-เก้าอี้นั่งเล่นในสวน รวมไปถึงจุดชมวิวให้เดินขึ้นไปด้านบนเพื่อนั่งหรือยืนชมวิวได้ นอกจากนั้นยังมีชิงช้าไว้ให้มานั่งพักผ่อนได้เหมือนกัน ซึ่งจะมีการปลูกต้นไม้เล็ก-ใหญ่และไม้พุ่มอยู่โดยรอบ ทำให้เวลามองไปทางไหนก็จะได้วิวสีเขียวและช่วยบังแสงแดดด้วยนะคะ

Image 1/5
สวนสีเขียวฝั่งด้านหลังอาคาร

สวนสีเขียวฝั่งด้านหลังอาคาร

ส่วนฝั่งด้านหลังของอาคารจะมีพื้นที่สวนสีเขียวอยู่อีกจุด ซึ่งมีการออกแบบคล้ายๆกับ Luminous Pavilion เลย โดยจะมีทั้ง Sunken Seat และชุดโต๊ะ-เก้าอี้อยู่หลายจุดให้มานั่งเล่น พักผ่อนกันได้ รวมถึงยังมีต้นไม้สูงกระจายอยู่โดยรอบสวนเป็นร่มเงาให้มานั่งใช้งานได้นานมากขึ้น

Image 1/10
Café Glow

Café Glow

หลังจากเราผ่านพื้นที่สวนสีเขียว Luminous Pavilion แล้วจะเจอกับ Café Glow ที่ออกแบบเป็น Co-Working Space ให้มานั่งเล่นและทำงานกันได้นั่นเอง โดยจะมีพื้นที่นั่งอยู่หลากหลายให้เลือกใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นชุดโซฟา, โต๊ะ-เก้าอี้, โต๊ะยาวหรือซุ้มนั่งเล่น รวมไปถึงบาร์ Café ให้มาชงเครื่องดื่มระหว่างนั่งทำงาน หรือมาถ่ายรูป ถ่ายงานก็ได้เหมือนกัน นอกจากนั้นยังเปิดรับวิวพื้นที่สวนสีเขียวที่อยู่ด้านนอก เป็นเหมือนจุดพักสายตา ทำให้ทำงานไปก็ชมวิวได้เพลินๆ รวมถึงจะมีประตูกั้นก่อนจะเข้าไปยังโซนลิฟต์จุดที่ 2 ด้วยนะคะ

ถัดจาก Café Glowก็จะเปิดประตูออกมาเจอโซนลิฟต์จุดที่ 2 นั่นเอง และเราจะเห็นว่ามีประตูกั้นอยู่อีกชั้นก่อนไปยังโซนห้องพักอาศัยนะคะ

อย่างที่เราได้บอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่าทางโครงการจะออกแบบประตูกั้น 2 ชั้นตรงโซนลิฟต์ เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับลูกบ้านที่พักอาศัยในชั้นนี้ รวมถึงมีติดตั้งระบบ Keycard Access ช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยด้วยนะคะ ทำให้ลูกบ้านก็วางใจว่าสามารถอยู่อาศัยได้อย่างสบายใจนั่นเอง

ชั้น 26

สำหรับชั้น 26 นี้จะเป็น Sky Facilities และมีห้องพักอาศัยแบบ Loft อยู่ทั้งหมด 14 ห้องค่ะ แต่ก็มีการออกแบบกั้นประตูเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยให้ลูกบ้านด้วย

พื้นที่ส่วนกลางชั้นนี้จะประกอบด้วย Active Sky Ride (ที่ปั่นจักรยานและ Jogging Track ความยาวประมาณ 90 เมตร), Energetic Gym (ออกแบบแบ่ง 2 ฝั่ง ชมวิวเมืองและแม่น้ำ), Swimming Sparkling Pool พร้อม Kid’s Pool และ Jacuzzi, Sparkling Bridge (สะพานบริเวณสระว่ายน้ำ มีจุดชมวิวพื้นกระจก), Steam room (แยกชาย-หญิง) พร้อมห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า, Sparkling Sky Lounge (Sky Lounge วิวแม่น้ำ), Game Galaxy (Game Room) และ Grow & Glow Garden (สวนผัก)

จากโถงลิฟต์จุดที่ 1 จะมีประตูเปิดออกไปยังโซนสระว่ายน้ำที่เราจะขอพาไปดูกันเป็นโซนแรกเลย

Image 1/4
Swimming Sparkling Pool

Swimming Sparkling Pool

Swimming Sparkling Pool เป็นสระระบบเกลือ ขนาด 5.09×50 เมตร ความลึก 1.20 เมตร ถือว่าเป็นสระขนาด Olympic จึงใช้ออกกำลังกาย ว่ายน้ำจริงจังได้เลยค่ะ ถึงแม้จะออกแบบเป็นสระกลางแจ้ง แต่ก็มีปลูกต้นไม้อยู่โดยรอบเพื่อให้ร่มเงาด้วยนะคะ นอกจากนั้นจะมีพื้นที่อาบน้ำล้างตัวอยู่ 2 จุด และมีห้องน้ำแบ่งแยกชาย-หญิงอยู่ด้านข้างสระว่ายน้ำด้วยค่ะ

จากชั้น 26 นี้เราจะมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้กว้างๆเลยค่ะ แต่พอดีว่าช่วงที่เราไปเก็บภาพบรรยากาศมาเป็นช่วงอากาศเริ่มหนาว จึงมีหมอกนิดๆแล้วฟ้าไม่ค่อยเปิดเท่าไหร่ แต่คิดว่าถ้าอากาศแจ่มใสก็น่าจะได้วิวสวยๆเลยนะ

ทางโครงการมีออกแบบเป็น Kid’s Pool ขนาด 2.40x 5.20 เมตร ความลึก 0.30 เมตร มาให้น้องๆเล่นน้ำหรือเล่นสนุกกันได้ มีกั้นแบ่งโซนชัดเจน อีกทั้งยังได้ร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่ก็ช่วยให้ไม่ร้อนมากนัก

นอกจากนั้นยังออกแบบ Jacuzzi มาให้ 2 จุดด้วยค่ะ จึงมานั่งนวดผ่อนคลายและมองออกไปได้วิวเมืองและแม่น้ำเจ้าพระยาแบบกว้างๆเลย ส่วนบริเวณด้านหลังก็จะมีต้นไม้ใหญ่ ซึ่งถ้าต้นไม้โตเต็มที่แล้วก็จะเป็นร่มเงาให้โซน Jacuzzi นี้นั่นเอง

Image 1/2
Sparkling Bridge

Sparkling Bridge

ต่อมาจะเป็น Gimmick ที่ทางโครงการออกแบบมาให้ นั่นก็คือ Sparkling Bridge สะพานบริเวณสระว่ายน้ำให้เดินเชื่อมข้ามฝั่งหรือเดินชมวิวโดยรอบได้นั่นเอง รวมถึงได้ฟีลแบบว่ายน้ำลอดสะพานด้วย ซึ่งสะพานนี้จะมีจุดชมวิวที่ออกแบบพื้นเป็นกระจกด้วยค่ะ

Image 1/2
จุดชมวิวพื้นกระจก

จุดชมวิวพื้นกระจก

จาก Sparkling Bridge สะพานบริเวณสระว่ายน้ำจะมีออกแบบเป็นจุดชมวิวแบบพื้นกระจกมาให้ด้วย ทำให้เราสามารถยืนชมวิวเมืองและแม่น้ำเจ้าพระยาได้กว้างๆ อีกทั้งยังมองลงไปด้านล่างเห็นสระว่ายน้ำด้วยนะ ก็เป็น Gimmick ที่น่ารักดีค่ะ

เราพากลับเข้ามาภายในอาคารกัน จากโถงลิฟต์จุดที่ 1 จะเดินตามโถงทางเดินไปยังพื้นที่ส่วนกลางอื่นๆในชั้นนี้ได้ โดยฝั่งซ้ายจะเป็น Sparkling Sky Lounge ที่เราจะพาไปชมกันต่อเลย

Image 1/5
Sparkling Sky Lounge

Sparkling Sky Lounge

Sparkling Sky Lounge เป็น Sky Lounge ที่ออกแบบเป็นห้องฝ้าเพดานสูง ประกอบกับหน้าต่างกระจกขนาดใหญ่เต็มผนัง จึงได้บรรยากาศภายในห้องที่โปร่งสบายและเปิดรับวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้กว้าง โดยภายในห้องจะจัดมุมพื้นที่นั่งเล่นไว้หลากหลายอย่างโซฟายาว ชุดโต๊ะ-เก้าอี้ รวมถึงที่นั่งแบบบาร์ให้มานั่งพักผ่อนกันได้ทั้งแบบเดี่ยวและกลุ่ม

Image 1/5
ห้องน้ำส่วนกลาง

ห้องน้ำส่วนกลาง

ฝั่งตรงข้ามกับ Sparkling Sky Lounge จะเป็นห้องน้ำส่วนกลาง โดยออกแบบแบ่งห้องน้ำชาย-หญิงเป็น 2 ฝั่ง ซึ่งภายในจะมีห้องอาบน้ำมาให้ใช้หลังจากออกกำลังกายหรือว่ายน้ำเสร็จได้ รวมถึงมี Locker สำหรับเก็บของต่างๆ, Steam room มาให้นั่งผ่อนคลายและห้องเปลี่ยนเสื้อผ้ามาให้ด้วยค่ะ

เราพาเดินต่อมาจะเจอกับ Energetic Gym ห้องออกกำลังกายที่ออกแบบแบ่งเป็น 2 ฝั่ง เพื่อเปิดรับทั้งวิวเมืองและแม่น้ำเจ้าพระยานั่นเอง โดยเราจะพาไปดูฝั่งด้านหน้าที่เปิดรับวิวแม่น้ำเจ้าพระยากันก่อนนะคะ

Image 1/5
Energetic Gym

Energetic Gym

Energetic Gym เป็นห้องออกกำลังกายที่ทางโครงการจัดเตรียมอุปกรณ์มาให้ครบครันทั้ง Cardio และ Weight Training รวมถึงมีติดตั้งกระจกเงาไว้เช็กท่าทางออกกำลังกายและมีมุมให้นั่งพักระหว่างออกกำลังกายได้ค่ะ อีกทั้งยังออกแบบเป็นห้องฝ้าเพดานสูงก็ได้บรรยากาศที่โปร่งโล่งดี ส่วน Highlight ของห้องนี้ก็คือออกกำลังกายไปพร้อมๆกับชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้เลยนั่นเอง

Image 1/4
 Energetic Gym

 Energetic Gym

ต่อมาเราพาชม Energetic Gym ที่อยู่อีกฝั่งกันบ้าง โดยห้องนี้จะได้วิวเมืองแบบเปิดโล่ง ภายในห้องจะมีเครื่องออกกำลังกายแบบ Weight Training มาให้ด้วยนะ รวมถึงมีพื้นที่สำหรับซ้อมชกมวยค่ะ นอกจากนั้นจะมีประตูเปิดไปยัง Yoga Room ให้เรามาใช้งานกันได้

หลังจากเราผ่านทั้งโซน Swimming Sparkling Pool, Sparkling Sky Lounge และ Energetic Gym แล้ว จะเจอกับโถงลิฟต์จุดที่ 2 ค่ะ ซึ่งจะเชื่อมไปยัง Game Galaxy (Game Room) และ Grow & Glow Garden (สวนผัก) รวมถึงห้องพักอาศัยในชั้นนี้

สำหรับ Game Galaxy (Game Room) จะอยู่ทางฝั่งซ้ายนะคะ ส่วนตรงกลางจะเป็นประตูเปิดไปยัง Grow & Glow Garden ที่เป็นพื้นที่สวนสีเขียว มีพื้นที่นั่งเล่น, มุมสวนผัก, Active Sky Ride ที่ปั่นจักรยานและ Jogging Track ความยาวประมาณ 90 เมตรด้วย แต่ปัจจุบันยังอยู่ในระหว่างตกแต่งสวน ทำให้เราไม่มีภาพบรรยากาศมาใช้ชมกันนะคะ แต่ถ้ามีโอกาสเราจะมาอัพเดตให้ค่ะ งั้นเราพาไปดู Game Galaxy กันเลย

Image 1/6
Game Galaxy

Game Galaxy

Game Galaxy ออกแบบเป็น Game Room พื้นที่สันทนาการมาเล่นสนุกกับเพื่อนๆได้ ภายในห้องจะมีโซฟาและจอทีวีมาเล่นเกมกัน รวมถึงโต๊ะเล่นบอร์ดเกมและโต๊ะสนุกเกอร์ให้มาใช้งานกันได้เลย หรือเราจะมานั่งพักผ่อนในบรรยากาศสบายๆก็ได้เหมือนกัน ส่วนด้านข้างก็ออกแบบเป็นหน้าต่างกระจกขนาดใหญ่ จึงได้ความโปร่งโล่งดีเลยค่ะ

แปลนชั้นพักอาศัย

Image 1/3
ชั้น 5

ชั้น 5

ชั้น 6-24 จะเป็นชั้น Typical Floor Plan มีเพื่อนบ้านทั้งหมด 74 ยูนิตต่อชั้น ถือว่าหนาแน่นเลยค่ะ โดยจะออกแบบตัวอาคารเป็นตัว H และวางโถงลิฟต์ไว้ 2 จุดบริเวณตรงกลาง เพื่อกระจายความหนาแน่นและลูกบ้านมาใช้งานได้ง่าย แต่สำหรับชั้น 5 และ 25 จะมีจำนวนยูนิตต่อชั้นที่น้อยลง เพราะมีการแบ่งพื้นที่บางส่วนเป็นพื้นที่ส่วนกลางหรืองานระบบสระว่ายน้ำนั่นเอง ซึ่งเราได้วงกรอบตำแหน่งห้องที่น่าสนใจมาให้ตามนี้เลย

  • กรอบสีแดง – ห้องที่มีความเป็นส่วนตัว เพราะติดกับเพื่อนบ้านด้านเดียวหรือมีโถงทางเดินหน้าห้องแบบ Single load Corridor ที่ไม่มีห้องอยู่ฝั่งตรงข้าม
  • กรอบสีส้ม – ห้องที่ได้ความเป็นส่วนตัวสูงสุด เพราะไม่ติดกับเพื่อนบ้านเลย แต่ก็จะมีระยะเดินจากลิฟต์ที่ค่อนข้างไกล
  • กรอบสีเหลือง – ห้องที่ไม่โดนตัวอาคารบังวิวกันเอง ทำให้ได้วิวเปิดโล่ง
  • กรอบสีน้ำเงิน – ห้องที่ได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยา โดยจะเริ่มเห็นแนวเส้นแม่น้ำเจ้าพระยาที่ชั้น 10 และเห็นแบบชัดๆในชั้นที่ 15 ขึ้นไป
  • กรอบสีม่วง – ห้องเปิดรับวิวสวนสีเขียวตรงชั้น 5 ซึ่งนอกจากห้องพักตรงชั้น 5 แล้วจะได้วิวสวนแบบชัดๆแล้ว เราสามารถเลือกห้องที่อยู่ชั้นสูงกว่าชั้นส่วนกลางไม่เกิน 3 ชั้นได้ค่ะ

Image 1/2
โถงทางเดินชั้นพักอาศัย

โถงทางเดินชั้นพักอาศัย

ทางโครงการออกแบบพื้นที่ชั้นพักอาศัยให้สามารถเดินเชื่อมจากโถงลิฟต์ไปยังห้องพักอาศัยได้เลย ไม่มีการกั้นประตูกระจกเหมือนชั้นส่วนกลางนะคะ โดยบริเวณปลายสุดโถงทางเดินจะมีช่องหน้าต่าง เพื่อช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามานะคะ แต่ด้วยตัวโครงการที่มีขนาดใหญ่และมียูนิตต่อชั้นเยอะ ทำให้ยังต้องพึ่งพาหลอดไฟตรงโถงทางเดิน ไม่ให้ดูมืดทึบค่ะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • ชั้น 1
    – Sparkling Eden (สวนหย่อม)
    – Shine Zone (สนามเด็กเล่น พัฒนาและออกแบบร่วมกับ รพ.วิมุต)
    – Active Glow Path (Jogging Track ความยาวประมาณ 150 เมตร)
    – Sparkling Lobby (พื้นที่พักคอย)
    – Shining Lounge (โซนสำหรับนั่งทำงานและที่นั่งเล่น)
    – Gather & Glow Room (ห้องประชุม)
    – Chill & Shine Space (มุมนั่งเล่นส่วนตัว)
    – Mail Room
    – Delivery & Vending machine room
    – Laundry Room
    – EV Charger 4 จุด
  • ชั้น 5
    – Café Glow (Co-Working Space)
    – Glow-Working Space (ห้องทำงานเงียบๆ + ห้องส่วนตัว)
    – Luminous Pavilion (สวนสีเขียว มีชิงช้านั่งชมวิว)
    – Sparkling Ciné (ห้องดูหนัง)
  • ชั้น 26
    – Active Sky Ride (ที่ปั่นจักรยานและ Jogging Track ความยาวประมาณ 90 เมตร)
    – Energetic Gym (ออกแบบแบ่ง 2 ฝั่ง ชมวิวเมืองและแม่น้ำ)
    – Swimming Sparkling Pool ระบบเกลือ ขนาด 5.09×50 เมตร ความลึก 1.20 เมตร พร้อม Kid’s Pool ขนาด 2.40x 5.20 เมตร ความลึก 0.30 เมตร และ Jacuzzi 2 จุด
    – Sparkling Bridge (สะพานบริเวณสระว่ายน้ำ มีจุดชมวิวพื้นกระจก)
    – Steam room (แยกชาย-หญิง) พร้อมห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
    – Sparkling Sky Lounge (Sky Lounge วิวแม่น้ำ)
    – Game Galaxy (Game Room)
    – Grow & Glow Garden (สวนผัก)
  • พื้นที่สวนสีเขียวรวมเกือบ 3 ไร่
  • ลิฟต์โดยสาร 7 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 219 : 1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ 528 คัน คิดเป็น 34% ไม่รวมซ้อนคัน (แบ่งเป็นที่จอดรถผู้พิการ 10 คันและ EV Charger 4 คัน)
    – สิทธิ์จอดรถ 1 Bedroom และ 1 Bedroom Plus 1 คัน/ห้อง ส่วน 2 Bedroom 2 คัน/ห้อง
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ
    – รูปแบบประตูทางเข้า-ออกโครงการ (รถยนต์) : รั้วกั้นไม้กระดก
    – ระบบในการเข้า-ออก (รถยนต์) : Bluetooth ระยะไกล
    – ระบบในการเข้า-ออก (เดินเข้าออก ขึ้นลงอาคาร) : Keycard Access
    – CCTV ส่วนกลาง
    – เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
    – รั้วรอบโครงการ : รั้วทึบสูง 3 เมตร

แบบห้อง

Highlight

  • เน้นห้อง 1 Bedroom อยู่อาศัย 1-2 คนได้ แต่ก็มีแบบห้อง 1 Bedroom Plus, 2 Bedroom และ Loft ให้เลือกด้วย
  • ห้องครัวแบบปิดทุกยูนิต เหมาะกับคนที่ชอบทำอาหารเป็นประจำหรือไม่ชอบให้กลิ่น-ควันจากการทำอาหารลอยเข้าไปติดเฟอร์นิเจอร์ภายในห้อง
  • เลือกซื้อได้ง่าย เพราะแต่ละแบบห้องมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน อย่างโซนพักผ่อนอยู่ด้านใน ได้ความสงบ ส่วนตัว, ครัวปิดติดระเบียง, มีพื้นที่ Walk-in Closet, Common Area ขนาดใหญ่, มีห้องอเนกประสงค์ หรือได้ 2 ห้องนอน

โครงการ Chapter One Spark Charan มีรูปแบบห้องพักอาศัยตั้งแต่ 1 Bedroom ไปจนถึง 2 Bedroom มีขนาดพื้นที่ใช้สอย 22.00-55.75 ตร.ม. รวมถึงมีแบบห้อง Loft ให้เลือกด้วยนะ แต่จะเน้นแบบห้อง 1 Bedroom เป็นหลัก จึงเหมาะอยู่อาศัย 1-2 คนนั่นเอง

โดยทุกยูนิตจะได้ห้องครัวแบบปิด จึงทำอาหารจริงจังได้เลย นอกจากนั้นแต่ละแบบห้องจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น โซนพักผ่อนอยู่ด้านใน ได้ความสงบ ส่วนตัว, ครัวปิดติดระเบียง, มีพื้นที่ Walk-in Closet, Common Area ขนาดใหญ่, มีห้องอเนกประสงค์ หรือได้ 2 ห้องนอน

ส่วนตัวห้องจะขายในรูปแบบ Fully Fitted ทำให้เราสามารถเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ได้ตรงตามการใช้งานและความชอบของเราเลยนั่นเอง อีกทั้งได้ความสูงห้องถึง 2.70 เมตร บรรยากาศภายในห้องโปร่งสบาย

นอกจากนั้นโครงการนี้ยังเป็นคอนโดที่เปิดรับวิวแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยนะคะ โดยทางโครงการบอกมาว่าสำหรับห้องพักอาศัยในชั้น 10 จะเริ่มเห็นแนวแม่น้ำเจ้าพระยาแล้ว แต่ถ้าอยากได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยาชัดมากขึ้น ก็ต้องมองเป็นชั้น 15 ขึ้นไปนั่นเอง เมื่อเทียบกับคอนโดเพื่อนบ้านในทำเลข้างเคียง รวมถึงคอนโดวิวแม่น้ำเจ้าพระยาแล้ว โครงการนี้ถือว่าคุ้มค่ามากๆ เพราะนอกจากได้วิวแม่น้ำชัดๆ ใกล้ๆแล้ว ยังมีราคาเริ่มต้นถูกสุด อยู่ที่ 1.89 ล้านบาท*

  • 1 Bedroom (A) พื้นที่ใช้สอย 22.00-23.75 ตร.ม.
  • 1 Bedroom (B) พื้นที่ใช้สอย 26.00-27.00 ตร.ม.
  • 1 Bedroom (C) พื้นที่ใช้สอย 28.00-28.75 ตร.ม.
  • 1 Bedroom (D) พื้นที่ใช้สอย 30.00-30.75 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอย 34.50 ตร.ม.
  • 2 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 55.30-55.75 ตร.ม.
  • Loft พื้นที่ใช้สอย 22.00-55.30 ตร.ม. (เฉพาะชั้น 26 เพียง 14 ยูนิต)

วัสดุภายในห้อง
– พื้นห้อง : SPC ลายไม้
– พื้นระเบียง : กระเบื้องเซรามิก ขนาด 30×30 เซนติเมตร
– ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.70 เมตร
– ผนังห้องฉาบเรียบทาสีขาว
– ไฟดาวน์ไลท์
– ปลั๊ก-สวิตช์ไฟฟ้า จาก SCHNEIDER
– เครื่องปรับอากาศแบบ Wall Type จาก DAIKIN (จำนวนชิ้นขึ้นอยู่กับแบบห้อง)
– Digital Door Lock จาก Secuon รองรับ 3 ระบบ ได้แก่ Keycard, Password และกุญแจ

วัสดุห้องครัว
– พื้นห้องครัว : กระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60×60 เซนติเมตร (ยกเว้น Type I-D เป็นพื้น SPC)
– เคาน์เตอร์ครัว Top Counter เป็นหินเทียม (Composite Stone) สีขาว พร้อม Built-in ชั้นวางของด้านบน-ล่าง วัสดุเป็น Particle Board ปิดผิวเมลามีนแบบ Matt และ Gloss
– Backsplash :  กระเบื้องเซรามิกลายหิน Terrazzo ขนาด 30×30 เซนติเมตร
– อ่างล้างจาน, Hob และ Hood จาก HAFELE

วัสดุห้องน้ำ
– พื้นห้องน้ำ : กระเบื้องเซรามิก ขนาด 30×30 เซนติเมตร
– สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ (ก๊อกน้ำ อ่างล้างมือ โถสุขภัณฑ์และฝักบัว) จาก COTTO

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

วันนี้เราจะมาเจาะลึกห้องตัวอย่าง 1 Bedroom (B) พื้นที่ใช้สอย 26.50 ตร.ม. และ 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอย 34.50 ตร.ม. กัน รวมถึงเก็บภาพบรรยากาศห้องตัวอย่างของ 2 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 55.30-55.75 ตร.ม. มาให้ชมกันด้วยนะคะ


1 Bedroom (B) พื้นที่ใช้สอย 26.50 ตร.ม.

ห้องตัวอย่างห้องแรกที่เราพามาชมกัน ได้แก่ 1 Bedroom (B) พื้นที่ใช้สอย 26.50 ตร.ม. ซึ่งมีจำนวนยูนิตมากที่สุดในโครงการ รองรับการอยู่อาศัย 1-2 คนได้ โดยส่วนใหญ่แบบห้องนี้จะหันไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือและทิศตะวันตกเฉียงใต้ ส่วนตำแหน่งห้องที่อยู่ตรงกลางอาคาร จะเป็นห้องที่เปิดรับวิวสวนได้เต็มที่ ไม่มีส่วนของอาคารมาบังกันเองด้วยนะ ทำให้เป็นตำแหน่งที่น่าสนใจมากๆค่ะ

ทางโครงการออกแบบทุกห้องได้ครัวปิดทั้งหมด แต่แบบห้องนี้มีจุดเด่นที่ “ห้องครัวแบบปิด ติดระเบียง” เราจึงมองว่าแบบห้องนี้เหมาะกับคนที่ชอบทำอาหารที่สุด เพราะนอกจากจะทำอาหารจริงจังได้แล้ว ยังเปิดระบายอากาศไปทางระเบียงได้ อีกทั้งกลิ่นและควันก็ไม่ลอยเข้ามาติดเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องด้วยค่ะ นอกจากนั้นยังออกแบบแบ่งโซนพักผ่อนและ Service แยกกันชัดเจนเป็นฝั่งซ้าย-ขวา ทำให้ได้พื้นที่ภายในห้องเป็นสัดส่วนดีเลย

  • แบ่งพื้นที่ในห้องเป็นสัดส่วน ออกแบบแยกโซนพักผ่อนและ Service ทำให้ได้พื้นที่แยกเป็น 2 ฝั่งชัดเจน
  • Common Area เชื่อมพื้นที่นั่งเล่นและรับประทานอาหาร ได้บรรยากาศโปร่งโล่ง
  • ห้องนอน มีประตูกระจกกั้นเป็นสัดส่วน ภายในห้องมีพื้นที่กว้าง
  • ห้องครัวแบบปิด ติดระเบียง ทำอาหารได้จริงจัง ไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่น-ควันจากการทำอาหาร
  • ห้องน้ำ กั้นแยกโซนชัดเจน ใช้งานง่ายจาก Common Area และห้องนอน
  • ระเบียง ใช้งานพื้นที่ด้านล่างได้ เพราะแขวน Condensing Unit ไว้ด้านบน

Image 1/2
ประตูห้อง

ประตูห้อง

งั้นเรามาเริ่มที่บริเวณด้านหน้าห้องเลย โดยประตูห้องจะติดตั้ง Digital Door Lock จาก Secuon สามารถรองรับได้ 3 ระบบทั้ง Keycard, Password และกุญแจ ทำให้ใช้งานได้ง่าย ส่วนตรงด้านล่างประตูจะมีกั้นพื้นสูงขึ้นมานิดนึง เพื่อช่วยป้องกันเศษสกปรกหรือฝุ่นผงต่างๆจากโถงทางเดินเข้าไปภายในห้องค่ะ

Image 1/4
Common Area

Common Area

เมื่อเข้ามาภายในห้องจะเจอกับ Common Area ขนาด 2.50×3.35 เมตร ที่ออกแบบเป็น Open Plan เชื่อมพื้นที่นั่งเล่นและรับประทานอาหารเข้าด้วยกัน ซึ่งเป็นข้อดีของพื้นที่แบบ Open Plan นะ เพราะนอกจากจะได้พื้นที่ขนาดใหญ่ ใช้งานได้ต่อเนื่องกัน บรรยากาศโปร่งโล่งแล้ว ยังสามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้ยืดหยุ่นตามการใช้งานด้วยนั่นเอง

วัสดุปูพื้นบริเวณ Common Area จะเป็น SPC ลายไม้ ที่มีคุณสมบัติทนต่อรอยขีดข่วนและความชื้นได้ดี ทำให้ใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น อีกทั้งพอเลือกเป็นลายไม้ก็ได้บรรยากาศที่อบอุ่น เหมาะแก่การพักผ่อนค่ะ ส่วนผนังและเพดานจะเป็นแบบฉาบเรียบทาสีขาวและไฟแบบดาวน์ไลท์, ปลั๊ก-สวิตช์ไฟฟ้า จาก SCHNEIDER และเครื่องปรับอากาศแบบ Wall Type จาก DAIKIN (จำนวนชิ้นขึ้นอยู่กับแบบห้อง) รวมถึงความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.70 เมตร ทำให้ได้บรรยากาศที่โปร่งสบาย ไม่อึดอัด

Image 1/2
Living Area

Living Area

Living Area มีขนาด 1.70×2.50 เมตร สามารถวางโซฟา 2-3 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลางเล็กๆ รวมถึง Built-in ชั้นวางทีวีและชั้นวางของเหมือนที่ห้องตัวอย่างตกแต่งให้ดูเป็นไอเดียได้เลย หรือจะ Built-in เป็นชั้นวางของเต็มผนังก็ได้เหมือนกัน ช่วยให้เราเก็บของได้เยอะเป็นเป็นระเบียบเรียบร้อยด้วย โดยจะมีระยะดูทีวีอยู่ที่ 2.20 เมตร ติดตั้งทีวีขนาด 40 นิ้วได้ค่ะ

Dining Area เป็นพื้นที่นั่งรับประทานอาหารที่อยู่บริเวณเดียวกับ Living Area เลย มีความกว้างประมาณ 1.50 เมตร เราจึงตั้งโต๊ะเล็กๆและเก้าอี้ 2 ที่นั่งได้พอดีค่ะ ส่วนตรงกำแพงก็มีพื้นที่ให้เราติดตั้งชั้นวางของเล็กๆได้เหมือนกัน

Image 1/2
ประตูกั้น Common Area และห้องนอน

ประตูกั้น Common Area และห้องนอน

สำหรับห้องนอนจะอยู่ถัดจาก Common Area โดยจะกั้นด้วยประตูบานเลื่อน 3 ตอน ซึ่งสามารถเปิด-ปิดได้กว้างดี ส่วนใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัวในห้องนอนก็สามารถติดผ้าม่านตรงประตูนี้ได้นะ พอตกกลางคืนก็ค่อยมาปิดผ้าม่าน ส่วนตอนกลางวันที่เราพักอยู่ในห้องก็เปิดผ้าม่าน เพื่อช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาภายในห้องดูสว่างค่ะ

นอกจากนั้นเรายังเปิดประตูกระจกนี้เชื่อมพื้นที่ทั้ง Common Area และห้องนอน เพื่อให้ได้พื้นที่ต่อเนื่องกันและได้บรรยากาศโปร่งโล่งด้วย

Image 1/4
ห้องนอน

ห้องนอน

ห้องนอนมีขนาด 2.50×3.15 เมตร เหมาะสำหรับวางเตียง 5 ฟุต มีพื้นที่รอบเตียงพอเดินผ่านได้พอดี เราจึงแนะนำให้เลือกใช้ทีวีแบบแขวนดีกว่า ส่วนพื้นที่ด้านข้างก็มีพื้นที่แต่งตัวด้วย มีความกว้างประมาณ 0.90 เมตร จึงยืนเลือกเสื้อผ้า แต่งตัวได้ค่ะ

Image 1/2
ประตูกระจกกั้นโซนพักผ่อนและ Service

ประตูกระจกกั้นโซนพักผ่อนและ Service

ต่อมาเราจะพาไปดูโซน Service ที่มีทั้งห้องน้ำ ห้องครัวและระเบียงกัน อีกทั้งเปลี่ยนวัสดุปูพื้นเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60×60 เซนติเมตร ซึ่งทางโครงการจะติดตั้งประตูกระจกบานผลักมาให้แบบนี้เลยนะ เอาจริงๆแปลนห้องนี้ถือเป็นแบบห้องมาตรฐานทั่วไปในคอนโด แต่เราไม่ค่อยเห็นทางคอนโดติดตั้งประตูกระจกกั้นโซนพักผ่อนและ Service มาให้แบบโครงการนี้เลยนะ ทำให้นอกจากจะได้พื้นที่เป็นสัดส่วนมากขึ้นแล้ว ยังช่วยประหยัดงบตกแต่ง เพราะเราไม่ต้องเสียเงินไปติดตั้งประตูเพิ่มเองค่ะ

Image 1/2
บริเวณด้านหน้าห้องน้ำ

บริเวณด้านหน้าห้องน้ำ

ต่อมาเราจะพาไปดูห้องน้ำกันต่อเลย ซึ่งพื้นที่ด้านหน้าห้องน้ำจะมีความกว้างประมาณ 1 เมตร ขนาดพอให้เรายืนได้พอดีๆค่ะ

Image 1/6
ห้องน้ำ

ห้องน้ำ

ห้องน้ำมีขนาด 1.40×2.25 เมตร มีการออกแบบแบ่งโซนแห้ง-เปียกไว้ชัดเจน สำหรับพื้นห้องน้ำเป็นกระเบื้องเซรามิก ขนาด 30×30 เซนติเมตร อีกทั้งมีกั้นธรณีประตูสูงขึ้นมาจากระดับพื้นห้อง เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำไหลออกไปด้านนอกด้วย

ส่วนสุขภัณฑ์ในห้องน้ำทั้งก๊อกน้ำ, อ่างล้างมือ, โถสุขภัณฑ์และฝักบัว เลือกใช้จาก COTTO เราชอบที่มีเคาน์เตอร์อ่างล้างมือ พร้อมช่องเก็บของด้านล่าง รวมถึงมีเจาะช่องตรงผนังด้านข้างโถสุขภัณฑ์และพื้นที่อาบน้ำมาให้วางของตกแต่งและอุปกรณ์ของใช้ในห้องน้ำได้เยอะดีเลยค่ะ สำหรับพื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 0.85×1.00 เมตร แต่ไม่ได้ติดตั้งฉากกั้นกระจกอาบน้ำมาให้นะคะ ซึ่งเราสามารถหาซื้อเพิ่มเองได้ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำกระเด็นไปเลอะบริเวณอื่นนั่นเอง

ก่อนที่เราจะพาไปดูโซนห้องครัว เราจะขอพามาดูพื้นที่อเนกประสงค์ตรงด้านหน้าห้องน้ำกันก่อนนะ

พื้นที่อเนกประสงค์บริเวณด้านหน้าห้องน้ำ จะมีขนาดประมาณ 1.00×1.30 เมตร เหมาะทำ Built-in เป็นชั้นวางของ สำหรับวางพวกเครื่องประดับต่างๆ รวมถึงสามารถแขวนจักรยานพับได้เหมือนที่ทางห้องตัวอย่างตกแต่งให้ดูเป็นไอเดียได้เลยค่ะ แต่เราแนะนำให้เลือก Built-in หน้าบานตู้ด้วยนะคะ เพราะพออยู่บริเวณเดียวกับห้องครัว ก็ทำให้กลิ่นและควันจากการทำอาหารอาจจะลอยติดพวกสิ่งของต่างๆตรงตู้นี้ได้นั่นเอง

Image 1/8
ห้องครัวแบบปิด ติดระเบียง

ห้องครัวแบบปิด ติดระเบียง

ห้องครัวจะมีขนาดประมาณ 1.30×2.00 เมตร ซึ่งทางโครงการออกแบบเป็นครัวปิดติดระเบียงนะ ถูกใจคนที่ชอบทำอาหารกินเองบ่อยๆนะคะ เพราะสามารถเปิดระบายอากาศไปทางระเบียงได้เลย ไม่ต้องกังวลว่ากลิ่นหรือควันจากการทำอาหารจะลอยเข้าไปติดเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องค่ะ ส่วนวัสดุปูพื้นเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60×60 เซนติเมตร (ยกเว้น Type 1-D เป็นพื้น SPC) ทำให้ดูแลรักษาความสะอาดได้ง่าย

ส่วนชุดเคาน์เตอร์ครัวมี Top Counter เป็นหินเทียม (Composite Stone) สีขาว พร้อม Built-in ชั้นวางของด้านบน-ล่าง สำหรับเก็บอุปกรณ์ของใช้ในครัวและวัตถุดิบในการทำอาหาร โดยหน้าบานตู้เก็บของจะเป็น Particle Board ปิดผิวเมลามีนแบบ Matt และ Gloss ค่ะ มีพื้นที่ยืนทำอาหารกว้างประมาณ 0.70 เมตร

นอกจากนั้นทางโครงการได้ติดตั้งอ่างล้างจาน, Hob และ Hood จาก HAFELE มาให้เรียบร้อยเลย รวมถึงเครื่องดูดควันจะเป็นระบบหมุนเวียนที่ดูดควันไปปล่อยนอกอาคารด้วยนะ ไม่ต้องเปลี่ยนไส้กรองบ่อยๆ แถมติดตั้ง Backsplash เป็นกระเบื้องเซรามิกลายหิน Terrazzo ขนาด 30×30 เซนติเมตร บริเวณผนังด้านหลังเคาน์เตอร์ จึงเช็ดทำความสะอาดได้ง่ายด้วยนั่นเอง

ทางโครงการติดตั้งประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน เพื่อเปิดไปยังระเบียงและช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาภายในห้องครัว

ระเบียงมีขนาดประมาณ 1.00×1.30 เมตร ปูพื้นเป็นกระเบื้องเซรามิก ขนาด 30×30 เซนติเมตร จึงดูแลรักษาความสะอาดได้ง่าย ซึ่งทางโครงการได้แขวน Condensing Unit ไว้ด้านบน จึงมีพื้นที่ด้านล่างใช้งาน ตั้งเป็นราวตากผ้าหรือทำเป็นมุมนั่งเล่นเล็กๆแบบ Semi Outdoor พร้อมมุมต้นไม้สีเขียว อีกทั้งยังออกแบบระแนงช่วยพรางสายตาตรง Condensing Unit ทำให้ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยดีเวลาที่มองมาจากด้านนอกอาคารนะคะ


1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอย 34.50 ตร.ม.

ต่อมาเราพาชมห้องตัวอย่าง 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอย 34.50 ตร.ม. เหมาะกับคนที่ต้องการห้องอเนกประสงค์เพิ่มขึ้นมาไว้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นห้องนอนเล็ก ห้องทำงาน ห้องดูหนัง ห้องเล่นเกม หรือห้องสำหรับวางของสะสม ทำงานอดิเรกนั่นเอง โดยห้องนี้ก็ยังได้ห้องครัวแบบปิดนะ ส่วน Common Area และห้องนอนก็มีขนาดใหญ่กว่า 1 Bedroom จึงอยู่อาศัยได้สะดวกสบายมากขึ้น โดยตำแหน่งของห้องนี้จะมีเพียง 9 ยูนิตต่อชั้นและหันออกด้านนอกทั้งหมด ทำให้ได้วิวเปิดโล่งค่ะ

  • Common Area ขนาดใหญ่ ได้บรรยากาศที่โปร่งสบายมากขึ้น
  • ห้องครัวแบบปิด ทำอาหารได้จริงจัง ไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่น-ควัน
  • ห้องน้ำอยู่บริเวณตรงกลางห้อง เข้าใช้งานได้สะดวกทั้งจาก Common Area, ห้องอเนกประสงค์และห้องนอน
  • ห้องอเนกประสงค์ พร้อมระเบียง สามารถปรับเป็นห้องนอนเล็กๆอีกห้อง หรือใช้เป็นห้องทำงานได้เลย
  • ห้องนอน ขนาดใหญ่ วางเตียง 5 ฟุตได้สบาย มีมุมตั้งตู้เสื้อผ้าได้ลงตัวดี

Image 1/2
ประตูห้อง

ประตูห้อง

ทางโครงการจะติดตั้ง Digital Door Lock ตรงประตูห้องมาให้ด้วย สามารถรองรับการใช้งานได้ 3 ระบบทั้ง Keycard, Password และกุญแจ จาก Secuon รวมถึงมีการยกพื้นสูงขึ้นมานิดนึงตรงด้านล่างของประตูห้อง เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เศษสกปรกจากรองเท้าของเราและโถงทางเดินพัดเข้ามาภายในห้องค่ะ

Image 1/4
Common Area

Common Area

เมื่อเข้ามาภายในห้องจะเจอกับ Common Area ขนาด 2.30×3.90 เมตร ซึ่งเป็นการออกแบบ Open Plan จึงได้พื้นที่ขนาดใหญ่เชื่อมต่อ Living Area และ Dining Area อยู่บริเวณเดียวกัน ใช้งานได้ต่อเนื่อง อีกทั้งยังได้บรรยากาศโปร่งโล่งและจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้ยืดหยุ่นด้วย

สำหรับวัสดุปูพื้นจะเป็น SPC ลายไม้ จึงทนทานต่อรอยขีดข่วนและความชื้น ส่วนผนังและเพดานจะเป็นแบบฉาบเรียบทาสีขาวและไฟแบบดาวน์ไลท์, ปลั๊ก-สวิตช์ไฟฟ้า จาก SCHNEIDER และเครื่องปรับอากาศแบบ Wall Type จาก DAIKIN (จำนวนชิ้นขึ้นอยู่กับแบบห้อง) ส่วนความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.70 เมตร

Living Area ขนาดประมาณ 2.30×2.40 เมตร ซึ่งเราสามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์เหมือนที่ทางห้องตัวอย่างได้ตกแต่งเป็นไอเดียได้เลย ไม่ว่าจะวางโซฟายาว 2-3 ที่นั่ง, โต๊ะกลาง, โต๊ะข้างและชั้นวางทีวี มีระยะดูทีวี 2.00 เมตร ตั้งทีวี 40 นิ้วได้ ซึ่งเหลือพื้นที่ทางเดินกว้าง จึงเดินผ่านเข้า-ออกได้ง่าย นอกจากนั้นเรายังปรับจากโต๊ะข้างเป็นชั้นวางของเล็กๆ จะได้มีพื้นที่เก็บของมากขึ้น หรือใช้เป็นมุมโต๊ะทำงานก็ได้เหมือนกันค่ะ

Dining Area จะอยู่ใกล้ๆกับประตูห้องและ Living Area มีขนาดประมาณ 1.35×2.30 เมตร สามารถวางโต๊ะเล็กๆพร้อมเก้าอี้ได้ 2 ที่นั่ง แบบพอดีๆเลยนะคะ อีกทั้งยังอยู่ใกล้กับห้องครัวแบบปิด จึงจัดเสิร์ฟอาหารได้ง่ายดี

Image 1/2
ห้องครัวแบบปิด

ห้องครัวแบบปิด

สำหรับห้องครัวแบบปิดจะอยู่ติดกับประตูห้องและตรงข้าม Dining Area เลยค่ะ ทำให้จัดเตรียมอาหารต่างๆได้ง่ายดี โดยห้องครัวนี้จะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอนที่เปิด-ปิดได้ง่าย และช่วยป้องกันไม่ให้กลิ่น-ควันจากการทำอาหารลอยเข้ามาภายในห้องพัก

Image 1/9
ห้องครัวแบบปิด

ห้องครัวแบบปิด

ห้องครัวมีขนาด 1.40×2.50 เมตร ปูพื้นเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60×60 เซนติเมตร (ยกเว้น Type 1-D เป็นพื้น SPC) โดยออกแบบเป็นห้องครัวแบบปิด พร้อมติดตั้งชุดเคาน์เตอร์ครัวมาให้เรียบร้อย มี Top Counter เป็นหินเทียม (Composite Stone) สีขาว พร้อมติดตั้งอ่างล้างจาน, Hob และ Hood จาก HAFELE และ Backsplash เป็นกระเบื้องเซรามิกลายหิน Terrazzo ขนาด 30×30 เซนติเมตร ป้องกันเศษอาหารเลอะตรงผนังด้านหลังเคาน์เตอร์และ Built-in ชั้นวางของด้านบน-ล่าง ส่วนหน้าบานตู้เก็บของจะเป็น Particle Board ปิดผิวเมลามีนแบบ Matt และ Gloss มีพื้นที่ยืนทำอาหารกว้างประมาณ 0.80 เมตร

ซึ่งพอเป็นห้องครัวแบบปิด ก็ทำให้สามารถทำอาหารภายในห้องได้สะดวกดี รวมถึงเครื่องดูดควันที่ทางโครงการติดตั้งมาให้จะเป็นระบบหมุนเวียนที่ดูดควันไปปล่อยนอกอาคารด้วย จึงดูดซับกลิ่นและควันได้ระดับนึงเลย

ต่อมาเราจะพาไปดูห้องอเนกประสงค์กันต่อนะคะ โดยจะอยู่ถัดจาก Common Area เลยค่ะ

Image 1/2
ประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน แบ่ง Common Area และห้องอเนกประสงค์

ประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน แบ่ง Common Area และห้องอเนกประสงค์

สำหรับห้องอเนกประสงค์ก็จะติดตั้งประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอนไว้กั้นแบ่งพื้นที่ภายในห้องเป็นสัดส่วน รวมถึงตัวห้องอเนกประสงค์เองก็มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น นอกจากนั้นการเลือกใช้เป็นประตูกระจกก็ช่วยดึงแสงธรรมชาติจากด้านนอกเข้ามาภายในห้องดูสว่าง รวมถึงพอเลื่อนได้ 3 ตอนก็สามารถเปิด-ปิดได้กว้าง พื้นที่เชื่อมต่อเนื่องกับ Common Area เพิ่มบรรยากาศโปร่งโล่งภายในห้องได้ดี

Image 1/4
ห้องอเนกประสงค์

ห้องอเนกประสงค์

ห้องอเนกประสงค์มีขนาดประมาณ 1.95×195 เมตร เป็นห้องที่เราสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันได้ตามการใช้งานของเราเลยนะคะ อย่างห้องตัวอย่างก็ตกแต่งเป็นห้องนั่งทำงาน วางโต๊ะและเก้าอี้ ส่วนด้านข้างก็มีพื้นที่ Built-in ชั้นวางของต่างๆได้ เหมาะกับสายงานที่ Work From Home หรือทำงาน Freelance เลยค่ะ แต่ใครอยากจะปรับเป็นห้องนอนเล็ก วางเตียงแบบ Daybed, ห้องดูหนัง, ห้องเล่นเกม หรือห้องออกกำลังกาย เล่นโยคะก็ได้เหมือนกัน ส่วนด้านข้างจะมีประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน เปิดออกไปยังระเบียงด้วยค่ะ

ระเบียงมีขนาด 0.80×2.10 เมตร ปูพื้นเป็นกระเบื้องเซรามิก ขนาด 30×30 เซนติเมตรที่ดูแลทำความสะอาดได้ง่าย อีกทั้งพอติดตั้ง Condensing Unit ไว้ด้านบน ก็สามารถใช้ประโยชน์พื้นที่ด้านล่างนี้สำหรับตั้งราวตากผ้าหรือมุมต้นไม้ต่างๆ เพื่อเป็นวิวสีเขียวและมุมพักสายตาให้กับห้องอเนกประสงค์ได้ด้วยนะ

ต่อมาเราจะพาไปดูห้องนอนและห้องน้ำกันนะคะ โดยจะมีพื้นที่ตรงกลางกว้างประมาณ 0.90 เมตรให้เราติดเป็นกระจกเงาขนาดใหญ่ ไว้ส่องเช็กความเรียบร้อยก่อนออกจากห้องได้เหมือนห้องตัวอย่างเลย หรือจะติดเป็นราวแขวนเสื้อผ้า-หมวก-เครื่องประดับ และชั้นวางของเล็กๆได้ด้วยค่ะ

เราจะพาไปชมห้องน้ำที่อยู่ทางฝั่งด้านซ้ายกันต่อนะคะ ซึ่งเรามองว่าตำแหน่งของห้องน้ำนี้อยู่ไม่ไกลจาก Common Area, ห้องอเนกประสงค์และห้องนอนนะ จึงสามารถเข้าใช้งานได้สะดวกอยู่

Image 1/6
ห้องน้ำ

ห้องน้ำ

ห้องน้ำมีขนาดประมาณ 1.40×1.50 เมตร พร้อมออกแบบพื้นกั้นสูงขึ้นมา เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำไหลออกไปด้านนอก ส่วนภายในห้องก็ออกแบบแบ่งโซนแห้ง-เปียกเป็นสัดส่วน สำหรับสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำเลือกใช้จาก COTTO ทั้งหมด ตรงเคาน์เตอร์อ่างล้างมือจะมีตู้เก็บของด้านล่าง รวมถึงเจาะช่องตรงผนังด้านข้างโถสุขภัณฑ์และพื้นที่อาบน้ำมาให้วางของต่างๆได้ สำหรับพื้นที่อาบน้ำขนาดประมาณ 1.10×1.10 เมตร แต่ทางโครงการไม่ได้ติดตั้งฉากกั้นกระจกอาบน้ำมาให้นะคะ เราแนะนำให้ติดตั้งเพิ่มเองนะ เพราะช่วยป้องกันไม่ให้น้ำกระเด็นไปเลอะบริเวณอื่นค่ะ

Image 1/4
ห้องนอน

ห้องนอน

ห้องนอนมีขนาด 2.70×2.85 เมตร สามารถวางเตียง 5-6 ฟุตได้ มีพื้นที่เดินรอบเตียงประมาณ 0.60 เมตร ส่วนด้านข้างจะมีมุมให้ตั้งหรือ Built-in ตู้เสื้อผ้าได้พอดีเหมือนห้องตัวอย่าง รวมถึงมีพื้นที่ด้านข้างตั้งโต๊ะแต่งหน้าเล็กๆได้ด้วยนะ โดยจะมีพื้นที่ยืนแต่งตัวกว้างประมาณ 0.95 เมตรค่ะ ถึงแม้ห้องนอนนี้จะไม่ได้มีห้องน้ำในตัว แต่ห้องน้ำจะอยู่ตรงข้ามห้องนอนเลย เราจึงมองว่าสามารถเดินออกไปใช้งานได้ง่ายมากๆค่ะ

2 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 55.30-55.75 ตร.ม.

โครงการนี้มีแบบห้อง 2 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 55.30-55.75 ตร.ม. ด้วยนะคะ ซึ่งมีเพียง 2 ยูนิตต่อชั้นเท่านั้นและขายไปได้เกือบหมดแล้ว แต่เราก็เก็บภาพบรรยากาศห้องตัวอย่างมาให้ทุกคนชมกันด้วยค่ะ

โดยห้องนี้จะเหมาะอยู่อาศัยกันเป็นครอบครัวขนาดเล็ก มีพื้นที่ใช้สอยแต่ละห้องขนาดใหญ่ รวมถึงห้องนอนทั้ง 2 ห้องที่อยู่อาศัยได้สบาย มีห้องน้ำในตัวหรืออยู่ใกล้ๆให้ใช้งานได้ง่ายดี นอกจากนั้นยังมีระเบียงยาวเปิดรับวิวด้านนอกฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย ทำให้ใช้เป็นมุมนั่งเล่นชมวิวตอนเย็นๆค่ำๆได้เลยค่ะ

  • ห้องหน้ากว้าง เปิดรับวิวและแสงธรรมชาติได้เต็มที่ อีกทั้งมีช่องเปิดด้านข้างห้องด้วย
  • ห้องครัวแบบปิดขนาดใหญ่ ใช้เป็นครัวไทย ทำอาหารได้จริงจัง
  • Common Area ขนาดใหญ่ จัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้ยืดหยุ่น
  • ระเบียงยาว จัดเป็นมุมต้นไม้แนวยาว เพิ่มวิวสีเขียวให้กับ Common Area ได้
  • Master Bedroom วางเตียง 6 ฟุตได้สบาย มีกระจกเข้ามุม เปิดรับวิว-แสงได้เยอะ พร้อมพื้นที่แต่งตัวอยู่ด้านข้างและห้องน้ำในตัว
  • ห้องนอนรอง วางเตียงและตู้เสื้อผ้าได้สบายๆ แถมมีช่องหน้าต่างเปิดรับวิวและแสง
  • ห้องน้ำส่วนกลาง แชร์การใช้งานระหว่าง Common Area และห้องนอนรอง

Image 1/14
Common Area

Common Area

แบบแปลน

Image 1/6
1 Bedroom (A) พื้นที่ใช้สอย 22.00-23.75 ตร.ม.

1 Bedroom (A) พื้นที่ใช้สอย 22.00-23.75 ตร.ม.

ราคา

Chapter One Spark Charan ราคาเท่าไหร่ (ณ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2568)

ราคาผ่อนต่อเดือนยกตัวอย่างจาก ดอกเบี้ย 4% ระยะเวลาผ่อน 30 ปี*
สามารถคลิกดูอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันได้ที่ >> อัปเดต! ดอกเบี้ยบ้าน 2568 ทุกธนาคาร

  • 1 Bedroom (A) พื้นที่ใช้สอย 22.00-23.75 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท
    – ราคาผ่อนต่อเดือนเริ่มต้นประมาณ 9,023.15 บาท
    – ค่าส่วนกลางเริ่มต้น 1,210-1,306.25 บาทต่อเดือน
    – ค่ากองทุนเริ่มต้น 11,000-11,875 บาท
  • 1 Bedroom (B) พื้นที่ใช้สอย 26.00-27.00 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.09 ล้านบาท
    – ราคาผ่อนต่อเดือนเริ่มต้นประมาณ 9,977.98 บาท
    – ค่าส่วนกลางเริ่มต้น 1,430-1,485 บาทต่อเดือน
    – ค่ากองทุนเริ่มต้น 13,000-13,500 บาท
  • 1 Bedroom (C) พื้นที่ใช้สอย 28.00-28.75 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.29 ล้านบาท
    – ราคาผ่อนต่อเดือนเริ่มต้นประมาณ 10,932.81 บาท
    – ค่าส่วนกลางเริ่มต้น 1,540-1,581.25 บาทต่อเดือน
    – ค่ากองทุนเริ่มต้น 14,000-14,375 บาท
  • 1 Bedroom (D) พื้นที่ใช้สอย 30.00-30.75 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.89 ล้านบาท
    – ราคาผ่อนต่อเดือนเริ่มต้นประมาณ 13,797.30 บาท
    – ค่าส่วนกลางเริ่มต้น 1,650-1,691.25 บาทต่อเดือน
    – ค่ากองทุนเริ่มต้น 15,000-15,375 บาท
  • 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอย 34.50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.99 ล้านบาท
    – ราคาผ่อนต่อเดือนเริ่มต้นประมาณ 14,274.72 บาท
    – ค่าส่วนกลางเริ่มต้น 1,897.50 บาทต่อเดือน
    – ค่ากองทุนเริ่มต้น 17,250 บาท
  • 2 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 55.30-55.75 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.69 ล้านบาท
    – ราคาผ่อนต่อเดือนเริ่มต้นประมาณ 22,390.78 บาท
    – ค่าส่วนกลางเริ่มต้น 3,041.50-3,066.25 บาทต่อเดือน
    – ค่ากองทุนเริ่มต้น 27,650-27,875 บาท
  • Loft พื้นที่ใช้สอย 22.00-55.30 ตร.ม. (เฉพาะชั้น 26 เพียง 14 ยูนิต) ราคาเริ่มต้น 3.98 ล้านบาท
    – ราคาผ่อนต่อเดือนเริ่มต้นประมาณ 19,001.13 บาท
    – ค่าส่วนกลางเริ่มต้น 1,210-3,041.50 บาทต่อเดือน
    – ค่ากองทุนเริ่มต้น 11,000-27,650 บาท
  • รูปแบบการขาย Fully Fitted
  • ค่าจอง 2,000 บาท
  • ทำสัญญา 3,000 บาท
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม. (จ่ายครั้งเดียว)
  • ค่าส่วนกลาง 55 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

Tips : แนะนำการขอสินเชื่อกับธนาคาร 

เกณฑ์การพิจารณาการขอสินเชื่อจากธนาคาร ควรมีเงื่อนไขตรงกับข้อไปนี้ค่ะ

  • มีรายรับชัดเจน สม่ำเสมอ(ไม่ผันผวน) ต่อเนื่องนานกว่า 6 เดือน และสามารถตรวจสอบได้
  • ควรมีภาระหนี้รวมทั้งหมด (ทั้งบ้าน รถยนต์ บัตรเครดิต และอื่นๆ) ไม่เกิน 40% ของรายได้ต่อเดือน
  • มีรายได้ต่อเดือนมากกว่าค่าผ่อนชำระสินเชื่อบ้าน 3 เท่าขึ้นไป

หากต้องการผ่อนบ้านให้หมดไว แนะนำให้โปะเพิ่มประมาณ 10% ของงวดผ่อน จะช่วยลดระยะเวลาผ่อนลงได้ 4 – 7 ปี (ขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ย) และควร Refinance หรือ Retention เพื่อให้ดอกเบี้ยลดลงทุกๆ 3 ปี ทั้งนี้อย่าลืมเผื่อค่าใช้จ่ายในการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าและตกแต่ง*ก่อนเข้าอยู่เพิ่มเติมด้วยนะคะ

บทสรุป

ทำเล :

โครงการ Chapter One Spark Charan เป็นคอนโด High Rise ราคาเริ่มต้นถูกสุดบนทำเล เริ่มต้น 1.89 ล้านบาท (คอนโดเพื่อนบ้านเริ่มต้น 1.99-2.69 ล้านบาท) อีกทั้งตั้งอยู่ติดถนนจรัญสนิทวงศ์ ใกล้กับซอยจรัญสนิทวงศ์ 85 ที่เป็นทำเลใกล้เมือง แต่ราคาคอนโดไม่สูงนักและยังเดินทางเชื่อมต่อเข้าเมืองได้ง่าย รวมถึงเป็นทำเลที่มองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้อีกด้วย

ความอุดมสมบูรณ์ใกล้ๆโครงการจะมี 7-11 และตลาดเล็กๆอยู่ด้านข้างโครงการเลย หรือเดินข้ามสะพานลอยไปจะเจอกับ Tops daily รวมถึงปั๊มน้ำมัน PT ที่มี KFC, กาแฟพันธุ์ไทยและร้านสะดวกซื้อ Max Mart นอกจากนั้นยังมีร้านค้า ร้านอาหารอยู่ตามแนวถนนให้เลือกซื้อได้ แต่ความอุดมสมบูรณ์หลักของทำเลจะอยู่ตรงเส้นถนนบรมราชชนนี มีทั้ง Central ปิ่นเกล้า, The Sense และ Major Cineplex ส่วนบนถนนจรัญสนิทวงศ์จะมี Makro จรัญสนิทวงศ์, Lotus’s จรัญสนิทวงศ์ หรือจะไปถนนบางขุนนนท์ที่ตลอดเส้นทางจะมีร้านค้า ร้านอาหารหลากหลายค่ะ รวมถึงโดยรอบยังรายล้อมด้วยโรงพยาบาลและสถานศึกษาหลายแห่งเลย

การเดินทางโดยใช้รถ :

ทางเข้า-ออกอยู่ติดกับถนนใหญ่ จรัญสนิทวงศ์ จึงเดินทางเชื่อมต่อไปถนนบรมราชชนนี, ถนนสิรินธร, ถนนบางขุนนนท์, ถนนราชพฤกษ์, ถนนอรุณอมรินทร์และถนนราชวิถีได้ สามารถใช้สะพานพระราม 7 ข้ามฝั่งเข้าเมืองไปยังย่านรัชดาภิเษก-ลาดพร้าว-พระราม 9 ได้สะดวกหรือใช้สะพานกรุงธนฯ ข้ามฝั่งไปโซนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิได้ด้วย นอกจากนั้นยังมีทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอกใช้เดินทางเข้า-ออกเมืองนั่นเอง

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ :

ถือว่าสะดวกมากๆ เพราะด้วยตัวโครงการที่ติดถนนใหญ่ จึงเรียกรถ Taxi หรือรถสองแถวที่ผ่านไปมาได้ง่าย อีกทั้งมีซุ้มวินมอเตอร์ไซค์อยู่ใกล้ๆและมีป้ายรถเมล์อยู่ด้านหน้าโครงการเลย นอกจากนั้นยังมีจุดเด่นที่อยู่ห่างจาก MRT สถานีบางพลัดเพียง 150 เมตร จึงเดินไปใช้งานได้สบายๆ รวมถึงยังเชื่อมไปรถไฟฟ้าได้ 5 สายในระยะเวลาประมาณ 10-20 นาที ทั้ง BTS สายสีเขียวอ่อน, MRT สายสีม่วง, รถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม รวมถึงรถไฟฟ้าสายอนาคตอย่าง MRT สายสีม่วงใต้, MRT สายสีส้มตะวันตกและรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อนส่วนต่อขยายด้วย  แถมมีท่าเรือเป็นตัวเลือกในการเดินทางบนทำเลด้วยค่ะ

วัสดุ :

รูปแบบการขายเป็น Fully Fitted ทำให้ลูกบ้านสามารถตกแต่งและเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ได้ตามการใช้งาน แต่ก็ต้องเผื่องบสำหรับตกแต่งไว้ส่วนนึงนะคะ ส่วนการเลือกใช้วัสดุในโครงการถือว่าเป็นไปตามมาตรฐานของระดับราคาทั้งพื้น SPC ลายไม้ ผนังและฝ้าเพดานฉาบเรียบ ทาสี มีไฟดาวน์ไลท์ ได้ชุดครัวครบจาก HAFELE และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำจาก COTTO รวมถึงติดตั้งเครื่องปรับอากาศแบบ Wall Type จาก DAIKIN และ Digital Door Lock จาก Secuon มาให้เรียบร้อย

การออกแบบ :

ถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ มีจำนวนมากถึง 1,533 ยูนิต + 2 ยูนิต แต่ก็ออกแบบเพื่อกระจายความหนาแน่น ไม่รู้สึกอึดอัดเวลามาใช้งานส่วนกลาง รวมถึงยังได้ความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นโถงลิฟต์แยกเป็น 2 จุด, พื้นที่ส่วนกลางอย่างพื้นที่นั่งเล่น-นั่งทำงานที่กระจายหลายจุดและแบ่งเป็นห้องเล็กๆเยอะ, แยกโซนพื้นที่ส่วนกลาง-ห้องพักอาศัยชัดเจน มีการกั้นประตูแบ่งโซนด้วย รวมถึงยังเน้นบรรยากาศใกล้ชิดธรรมชาติเพราะมีพื้นที่สีเขียวเกือบ 3 ไร่ อีกทั้งยังเปิดรับวิวแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย

รูปแบบห้องจะมีตั้งแต่ 1 Bedroom ไปถึง 2 Bedroom แต่จะเน้น 1 Bedroom เป็นหลัก จึงสามารถอยู่อาศัย 1-2 คนได้สบายๆ โดยทุกยูนิตจะได้ห้องครัวแบบปิด ทำอาหารจริงจังได้ นอกจากนั้นแต่ละแบบห้องมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน จึงเลือกซื้อได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นโซนพักผ่อนอยู่ด้านใน ได้ความสงบ ส่วนตัว, ครัวปิดติดระเบียง, มีพื้นที่ Walk-in Closet, Common Area ขนาดใหญ่, มีห้องอเนกประสงค์ หรือได้ 2 ห้องนอน รองรับทุกไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยเลย

สาธารณูปโภค :

พื้นที่ส่วนกลางมีขนาดใหญ่ตามขนาดโครงการ เพื่อรองรับการใช้งานของลูกบ้านได้อย่างทั่วถึง โดยแบ่งเป็นชั้น 1, 5 และ 26 ส่วนใหญ่จะเน้นเป็นพื้นที่นั่งเล่น-นั่งทำงาน พร้อมสระว่ายน้ำยาว 50 เมตร มาว่ายน้ำจริงจังได้ นอกจากนั้นยังมีพื้นที่สีเขียวรวมเกือบ 3 ไร่ ประกอบกับเปิดรับวิวแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้ได้บรรยากาศใกล้ชิดธรรมชาติดีมากๆ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 94,000 บาท/ตร.ม., 27 พฤศจิกายน 2568

  • ทำเล 8.25/10 – ตั้งอยู่ติดถนนจรัญฯ ใกล้ MRT บางพลัด 150 เมตร มี 7-11และตลาดเล็กๆอยู่ด้านข้าง
  • เดินทางด้วยรถ 8/10 – ติดถนนใหญ่ เชื่อมต่อถนนหลายสาย ใกล้ทางด่วน
  • ไม่ใช้รถ 8.5/10 – ใกล้ MRT บางพลัด 150 เมตร เรียกรถอื่นๆง่าย มีท่าเรือด้วย
  • วัสดุ 7.5/10 – Fully Fitted ตามมาตรฐานระดับราคานี้
  • แบบ 7.5/10 – เน้น 1 Bedroom อยู่ 1-2 คนได้ แต่ละแบบห้องมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน
  • สาธารณูปโภค 8.5/10 – เน้นพื้นที่นั่งเล่น สระยาว 50 ม. เปิดรับวิวแม่น้ำ พร้อมสวนเกือบ 3 ไร่

  • MAIN CLASS
  • 8.13 / 10.00

Chapter One Spark Charan ดีไหม?

โครงการ Chapter One Spark Charan เหมาะกับคนที่ต้องการคอนโดติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้าที่ขยับออกนอกเมืองมาหน่อย แต่ได้ราคาที่ไม่สูงนัก นอกจากนั้นยังชอบพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ ไม่ซีเรียสเรื่องมีลูกบ้านเยอะ หากมีการออกแบบแบ่งโซนได้ความเป็นส่วนตัวดี มีพื้นที่นั่งเล่น-ทำงานเยอะ พร้อมสระยาว 50 เมตร แถมได้บรรยากาศใกล้ชิดธรรมชาติ เพราะมีสวนสีเขียวใหญ่เกือบ 3 ไร่และเปิดรับวิวแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย ส่วนตัวห้องก็จัดฟังก์ชันได้ลงตัว มีครัวปิดทุกห้อง ทำอาหารได้จริงจัง มีงบประมาณเริ่มต้นที่ 1.89-4.69 ล้านบาทหรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนเริ่มต้นที่ 9,023.15-22,390.78 บาท

ตัวอย่างโครงการคอนโดจรัญฯ

Think of Living รวบรวมมาให้แล้ว!

โครงการเปิดใหม่ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮมและคอนโดมิเนียม ในทำเลทั่วกรุงเทพและปริมณฑล ในทุกๆเดือนย้อนหลัง ใครที่กำลังมองหาบ้านห้ามพลาด อาจจะมีโครงการในราคาและทำเลที่เพื่อนๆ ตามหาอยู่ก็เป็นได้นะ

เข้ามาชมบทความรายเดือนได้เลย คลิกที่นี่